ประวัติความเป็นมา พระพุทธวิริยากร (หลวงพ่อตัด ปวโร ) วัดชายนา พระเกจิชื่อดัง เมืองเพชรบุรี !

สำหรับหลวงพ่อตัด ปวโรแห่งวัดชายนานั้น ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพระเกจิอาจารย์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงโด่งดังก่อนยุค 2,500 ซึ่งท่านเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างมากของชาวจังหวัดเพชรบุรี รวมถึงชาวไทยพุทธในพื้นที่ใกล้เคียงในครั้งนี้เราจะพาคุณมาทราบถึง ประวัติความเป็นมา พระพุทธวิริยากร (หลวงพ่อตัด ปวโร ) วัดชายนา พระเกจิชื่อดัง เมืองเพชรบุรี !ซึ่งแน่นอนว่านอกจากเราจะมาบอกถึงประวัติความเป็นมาของท่านให้คุณได้ทราบแล้วเราจะพาคุณไปรู้จักกับวัตถุมงคลของท่านที่ได้ถูกสร้างเอาไว้ตั้งแต่ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่อีกด้วย ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับเนื้อหาสาระที่น่าสนใจในครั้งนี้กันได้เลย ประวัติความเป็นมาของ “หลวงพ่อตัด ปวโร แห่งวัดชายนา” จังหวัดเพชรบุรี สำหรับพระพุทธวิริยากร หรือที่ใครหลายคนมักจะคุ้นเคยกันดีในนามของหลวงพ่อตัด ปวโร วัดชายนา นั้น เดิมทีนั้นท่านมีชื่อว่านาย ตัด คำใส วันเกิดในช่วงปีพ.ศ 2474 ซึ่งเป็นยุคก่อนปี 2500 ท่านเกิดในวันที่ 28 เดือนพฤษภาคมในปีนั้น ซึ่งตรงกับปีมะแม เดิมทีนั้นท่านเป็นชาวตำบลท่ายางอำเภอท่ายางและเกิดที่หมู่บ้านเขากระจิวของจังหวัดเพชรบุรี ท่านเป็นลูกของนายตอย คำใส กับนางเย็น คำใส ซึ่งท่านเป็นบุตรคนเดียวของคุณพ่อกับคุณแม่ ในช่วงวัย 10 ขวบคุณแม่ของหลวงพ่อตัดท่านได้เสียชีวิตจึงทำให้ท่านได้ย้ายมาอาศัยอยู่กับคุณยาย จากนั้นในเวลาไม่นานคุณพ่อของท่านก็มีครอบครัวใหม่และมีบุตร จึงทำให้หลวงพ่อตัดนั้นท่านได้มีน้องต่างมารดาถึง 5 คน ได้แก่ นางเทื่อน ทหารเทียน , นางเลื่อน […]
ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อโก๊ะ วัดเก้าห้อง เจ้าตำหรับเหรียญซ้อนมอเตอร์ไซค์ แห่งเมืองกรุงเก่า !

หากมีใครเอ่ยถึงเรื่องราวของเหรียญซ้อนมอเตอร์ไซค์ แล้วก็เชื่อว่าจะต้องมีการกล่าวถึงหลวงพ่อโก๊ะแห่งวัดเก้าห้องขึ้นมาทันที เพราะท่านคือเจ้าตำรับของเหรียญซ้อนมอเตอร์ไซค์นี้ ซึ่งในครั้งนี้เราจะพาคุณมาทราบถึง ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อโก๊ะ วัดเก้าห้อง เจ้าตำหรับเหรียญซ้อนมอเตอร์ไซค์ แห่งเมืองกรุงเก่า ! เพื่อเป็นการบอกเล่าให้คุณได้รู้จักกับประวัติความเป็นมาของท่านรวมถึงเหรียญอันโด่งดังนี้ด้วยเช่นกัน แล้วเพื่อนไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณไปพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจดังต่อไปนี้กันเลย ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อโก๊ะ แห่งวัดเก้าห้อง ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับเหรียญซ้อนมอเตอร์ไซค์ของหลวงพ่อโก๊ะแห่งวัดเก้าห้องกันนั้น เราจะพาคุณมาทราบถึงประวัติของท่านกันแบบคร่าวๆเสียก่อน ซึ่งข้อมูลที่เราได้นำมาฝากท่านในวันนี้ก็จะเป็นในรูปแบบคร่าวๆเนื่องจากประวัติของท่านไม่ได้ทุกระบุเอาไว้หลักฐานที่แน่ชัดมากนัก ทั้งนี้เป็นการบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เราต่อๆกันมา สำหรับพระครูสุมน สุมโน อยู่ที่ใครหลายคนมักจะรู้จักกันดีในนามของหลวงพ่อโก๊ะหรือหลวงปู่โก๊ะ แห่งวัดเก้าห้องนั้น เดิิมทีท่านเป็นชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นชาวอำเภอบางบาล ฉันเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อโบแห่งวัดโคกหิรัญ (ซึ่งหลวงพ่อโบนั้นเรียกได้ว่าท่านคือ เจ้าตำรับน้ำมนต์เดือดแห่งเมืองกรุงเก่า ) แต่สำหรับในเรื่องของรายละเอียดเหล่านี้ไม่ได้มีการระบุที่แน่ชัดซึ่งเราจะหาข้อมูลกันมาฝากในครั้งต่อไป ซึ่งที่ทราบก็คือหลวงพ่อโก๊ะนั้นท่านมีความเชี่ยวชาญและเก่งในด้านการทำน้ำมนต์อย่างมาก ท่านมีความสามารถในการนั่งทางในเพื่อตรวจดวงชะตาและดูดวงซึ่งท่านมีความสามารถและมีความแม่นยำในเรื่องนี้ที่เรียกได้ว่ายากจะมีใครเหมือน ซึ่งท่านคือที่พึ่งพิงของชาวบ้านในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ที่ไม่ว่าใครมีปัญหาอะไรก็มักจะไปหาหลวงพ่อโก๊ะให้ช่วยตรวจดวงชะตาและปรึกษาท่านอยู่เสมอ อีกทั้งหลวงพ่อโก๊ะนั้นท่านยังมีตำแหน่งเป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านได้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับการบวชของหลวงพ่อเจือแห่งวัดโคกหิรัญ ซึ่งหลวงพ่อเจือนั้นท่านก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อโบว์อีกองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นน้องของหลวงพ่อโก๊ะนั่นเอง หลวงพ่อโก๊ะนั้นอุปนิสัยของท่านก็คือเป็นผู้มีจิตเมตตาสูงชอบช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากและใครที่มาพึ่งพาก็มักจะให้ความช่วยเหลืออยู่อย่างไม่เคยปฏิเสธ หลวงพ่อโก๊ะนั้นท่านเป็นพระที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงโด่งดังอะไรมากนักเป็นพระที่ชาวกรุงเก่าเคารพศรัทธาเป็นพระบ้านนอกธรรมดาแต่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย และมีความเชี่ยวชาญทางด้านการตรวจดวงชะตาอย่างมาก นอกจากนี้สำหรับผู้ที่เคยได้ไปให้ท่านช่วยตรวจดวงชะตายังเคยได้บอกเอาไว้ว่าเรื่องบางเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็กลับได้เกิดขึ้นจริงตามคำที่ท่านได้ทำนายเอาไว้ ช่วงที่ท่านมรณภาพลงน่าจะราวๆประมาณปีพ.ศ 2538 และในบางข้อมูลบอกว่าราวๆปีพ.ศ 2540 แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าหลวงพ่อโก๊ะท่านจะมรณภาพไปหลายๆปีแล้ว แต่ลูกศิษย์ลูกหาก็ยังคงระลึกถึงท่านอยู่อย่างมิเสื่อมคลาย ความเป็นมาของเหรียญหลวงพ่อโก๊ะ แห่งวัดเก้าห้อง สำหรับความเป็นมาของการสร้างเหรียญนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปีพ.ศ 2534 ซึ่งในขณะนั้นทางวัดได้มีการสร้างอุโบสถขึ้นแต่ยังไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลวงพ่อโก๊ะท่านได้ตั้งใจสร้างเหรียญขึ้นมาเพื่อมอบให้กับญาติโยมผู้มีจิตศรัทธา ในการบริจาคทรัพย์เพื่อสมทบทุนในการสร้างอุโบสถแห่งนี้ ซึ่งหลวงพ่อโก๊ะท่านได้บอกกับผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวัฒน์ ทับทิมเจือ(ซึ่ง ผศ. […]
ประวัติความเป็นมาของ หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู พระเกจิอาจารย์ผู้โด่งดังแห่งเมืองนครสวรรค์ !

หากมีใครถามถึงของขลังของดีแห่งเมืองนครสวรรค์ล่ะก็ เชื่อว่าใครหลายคนอาจตอบไม่ถูกกันเลยทีเดียวว่าชิ้นไหนหรือจากพระอาจารย์ใดกันดี มีมากมายเหลือเกินอย่างไรก็ตามในครั้งนี้เราจะพาคุณมาทราบถึง ประวัติความเป็นมาของ หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู พระเกจิอาจารย์ผู้โด่งดังแห่งเมืองนครสวรรค์ ! ที่พวกเราทีมงานได้รวบรวมเรื่องราวความเป็นมาของท่าน พร้อมกับจะมาบอกถึงวัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงของท่านให้คุณได้ทราบ เพราะเราเชื่อว่าใครหลายคนอาจคุ้นหูกับชื่อของหลวงปู่พิมพา แต่ในทางกลับกันก็อาจมีบางคนที่ยังไม่เคยรู้จักท่าน ซึ่งในวันนี้คุณจะได้ทราบถึงรายละเอียดกันมากยิ่งขึ้น และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณไปพบกับเนื้อหาที่น่าสนใจกันเลยดังต่อไปนี้ค่ะ ประวัติความเป็นมาของ หลวงปู่พิมพา แห่งวัดหนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ. นครสวรรค์ สำหรับหลวงปู่พิมพา ธัมมวโร หรือที่เรามักจะเรียกกันว่าหลวงปู่พิมพานั้นเดิมทีท่านมีชื่อว่า พิมพา สาริกิจ เกิดในช่วงปีพ.ศ 2452 ในวันที่ 22 เดือนกรกฎาคมเดิมทีท่านเป็นชาวจังหวัดอุทัยธานีเกิดที่ตำบลวังเมืองอำเภอทัพทัน หลังจากนั้นท่านก็ได้ย้ายถิ่นฐานตามคุณพ่อและคุณแม่ของท่านมาอาศัยอยู่ที่อำเภอบรรพตพิสัย ในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งท่านอยู่ที่บ้านวังกระชอนตั้งอยู่ในตำบลหูกวาง หลวงปู่ท่านเป็นเด็กที่ค่อนข้างมีความสนใจในเรื่องของการเรียน จากนั้นเมื่อท่านอายุได้ราวๆ 17 ปี ท่านก็ได้มีโอกาสเล่าเรียนทางด้านวิชาอาคมต่างๆจากอาจารย์ของท่าน ซึ่งคืออาจารย์สาและอาจารย์ผู้มีนามว่าอาจารย์โสภา ซึ่งอาจารย์ของท่านทั้งสองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีคนเคารพนับถืออย่างมากที่หมู่บ้านวังกระชอนที่ท่านได้ย้ายมาอยู่ นอกจากนี้ท่านยังได้มีโอกาสร่ำเรียนทั้งเรื่องสมุนไพรใบยาและเรียนทางด้านแผนโบราณเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วย ใต้ร่มกาสาวพักตร์ เมื่อหลวงปู่พิมพาท่านอายุได้ประมาณ 20 ปีก็เข้าพิธีบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ อยู่ที่วัดเขาดินใต้ ซึ่งในครั้งนั้นมีพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับท่านก็คือ หลวงพ่อเฮง แห่งวัดเขาดินใต้ เมื่อเป็นพระภิกษุสงฆ์อย่างเต็มตัวแล้วด้วยความที่หลวงปู่พิมพานั้นมีจิตใจฝักใฝ่ในเรื่องการเรียนเป็นเดิมอยู่แล้ว ก็ยิ่งมีความตั้งอกตั้งใจมากกว่าเดิมเมื่อท่านได้พบกับพระเกจิอาจารย์หลายท่านในภูมิภาคแห่งนี้ และโชคดีที่ท่านได้มีโอกาสร่ำเรียนกับผู้ทรงคุณวุฒิหลายๆท่าน ได้แก่ หลวงพ่อเดิมแห่งวัดหนอง หลวงพ่อเฮงแห่งวัดเขาดินใต้ […]
ประวัติความเป็นมาของพระครูพิพัฒนิโรธกิจ (หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย) แห่งเมืองสมุทรปราการ !

สำหรับนักสะสมที่มักจะเล่นหาเขี้ยวเสือแกะเป็นเดิมอยู่แล้วนั้น เชื่อว่าใครหลายคนคงต้องการและใฝ่ฝันถึงเขี้ยวเสือแกะของหลวงพ่อปานแห่งวัดบางเหี้ยกันอย่างแน่นอน ซึ่งในวันนี้เราจะมาบอกเล่ากันถึง ประวัติความเป็นมาของพระครูพิพัฒนิโรธกิจ (หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย) แห่งเมือง สมุทรปราการ ! ให้ท่านได้ทราบ ซึ่งในครั้งนี้นอกจากเราจะมาบอกถึงประวัติความเป็นมาของท่านแล้วเรายังได้นำตัวอย่างของวัตถุมงคลชิ้นสำคัญที่มีชื่อเสียงของท่านมาฝากคุณในที่นี้อีกด้วย ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับเนื้อหาสาระที่น่าสนใจดังต่อไปนี้กันเลยดีกว่าค่ะ ประวัติ พระครูพิพัฒนิโรธกิจ (หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย) แห่งเมืองสมุทรปราการ สำหรับประวัติความเป็นมาของพระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ หรือที่ใครหลายคนมักจะรู้จักกันดีในนามของหลวงพ่อปานแห่งวัดบางเหี้ยนั้น เดิมทีท่านเป็นชาวจังหวัดสมุทรปราการเกิดที่ตำบลคลองด่านหรือในสมัยก่อนเรียกกันว่า ตำบลบางเหี้ย ท่านเกิดตั้งแต่ในช่วงปีพ.ศ 2368 เป็นลูกของคุณพ่อปลื้มและคุณแม่ ซึ่งบิดามารดาของหลวงพ่อปานนั้นท่านมีเชื้อสายจีนทั้งสองฝั่ง คุณพ่อและคุณแม่ของท่านมีบุตรทั้งหมด 5 คนซึ่งหลวงพ่อปานท่านเป็นบุตรคนที่ 3 ของครอบครัว จากที่ครอบครัวของท่านได้ย้ายมาอยู่ที่ตำบลบ้านโคกแล้ว ถัดมาในช่วงยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้มีพระราชบัญญัติให้ใช้นามสกุล ซึ่งนามสกุลของหลวงพ่อปานก็คือหนูเทพย์ ในวัยเด็กนั้นคุณพ่อคุณแม่ของหลวงพ่อปานได้นำท่านไปฝากไว้กับท่านเจ้าคุณศรีศักยมุนี ซึ่งในขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม อยู่ที่ใครหลายคนมักจะรู้จักกันดีในนามวัดแจ้ง และได้มีโอกาสเล่าเรียนหนังสือภาษาไทยที่วัดแห่งนั้น ต่อมาหลวงพ่อปานท่านก็ได้บวชเป็นสามเณรน้อย วัยหนุ่ม ต่อมาในเวลาไม่นานท่านก็ได้สึกจากเณรเพื่อมาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพ ซึ่งอาชีพของท่านคือการตัดฟืนไปขาย โดยปกติแล้วนิสัยเดิมของท่านเป็นคนที่มีความมัธยัสถ์อดทนและมีความเพียรพยายามสูง หนักเบาเอาสู้ต่ออาชีพการงาน ที่พ่อแม่ของท่านสามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้ เป็นคนขยันชอบทำมาหากินช่วยพ่อกับแม่ วัยเยาว์ของท่านนั้นเรียกได้ว่าท่านมีชีวิตเหมือนชาวชนบททั่วไป และเมื่อเติบโตเป็นหนุ่มก็เริ่มมีความรักกับหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ครั้งหนึ่งหลวงพ่อท่านในสมัยที่ยังเป็นหนุ่มและยังไม่ได้บวชเป็นพระท่านก็ได้เดินทางไปหาหญิงผู้เป็นที่รัก แต่เพราะเมื่อท่านได้ล้างเท้าและกำลังจะก้าวขึ้นบันไดก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้น เนื่องจากไม้ตะเคียนที่นำมาทำบันไดนั้นพลันหลุดออกจากกันทำให้ท่านพลัดตกลงจากบันได ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าไม้ตะเคียนนั้นมีความแข็งแรงและยากยิ่งที่จะหลุดออกจากกันได้ จึงทำให้เกิดลางสังหรณ์ในใจของท่านว่า หรือสิ่งนี้จะบ่งบอกถึงการสิ้นวาสนาเกี่ยวกับทางโลกเสียแล้ว เมื่อท่านได้กลับถึงบ้านก็ทำให้ท่านตัดสินใจอยู่หลายวันและในที่สุดท่านก็ได้เลือกตัดสินใจที่จะบวช […]
ความเป็นมาของ “เหรียญปั๊มรูปเหมือน หลวงปู่ขาว” วัดหลักสี่ ดอนเมือง อีกหนึ่งเหรียญจากยุคเก่าที่หายาก !

หากเอ่ยถึงของดีจากวัดหลักสี่ย่านดอนเมืองแล้วล่ะก็เชื่อว่าใครหลายคนจะต้องนึกถึงเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ขาวขึ้นมาทันที และแน่นอนว่าในครั้งนี้เราจะมาบอกเล่าถึง ความเป็นมาของ “เหรียญปั๊มรูปเหมือน หลวงปู่ขาว” วัดหลักสี่ ดอนเมือง อีกหนึ่งเหรียญจากยุคเก่าที่หายาก ! ให้คุณได้ทราบ ในครั้งนี้นอกจากเราจะมาบอกถึงความเป็นมาของเหรียญปั๊มรูปเหมือนแล้วเรายังจะมาบอกถึงประวัติของหลวงปู่ขาวแห่งวัดหลักสี่ดอนเมืองอย่างคร่าวๆให้คุณได้ทราบกันอีกด้วย หากอยากทราบถึงรายละเอียดในเรื่องนี้กันแล้วต้องอย่ารอช้ากันค่ะเราจะพาคุณไปพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจดังต่อไปนี้กันเลย อัตชีวประวัติของหลวงปู่ขาว วัดหลักสี่ ดอนเมือง ก่อนที่เราจะไปทราบถึงประวัติความเป็นมาของเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงปู่ขาวนั้นเราจะขออนุญาตบอกเล่าถึงอัตชีวประวัติของหลวงปู่ขาวท่านให้คุณได้ทราบเสีย สำหรับประวัติความเป็นมาของท่านนั้นจากข้อมูลต่างๆนั้นเรียกได้ว่ามีมูลที่ค่อนข้างน้อย แต่ตามที่ได้มีการบอกเล่าต่อๆกันมานั้นทราบได้ว่าหลวงปู่ขาวท่านเป็นชาวมอญ ท่านเกิดในช่วงปีพ.ศ 2397 ซึ่งเดิมทีนั้นท่านเป็นชาวอำเภอบางเขนเกิดที่ตำบลออเงินในจังหวัดกรุงเทพฯนี้ ซึ่งคุณพ่อกับคุณแม่หลวงปู่ท่านเสียชีวิตตั้งแต่ที่หลวงปู่ท่านยังเด็ก จากนั้นเมื่ออายุได้ประมาณ 10 ขวบก็ได้อาศัยอยู่กับญาติในจังหวัดนนทบุรีซึ่งอยู่ที่อำเภอปากเกร็ด และได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนกับหลวงปู่เริ่ม ซึ่งในขณะนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดโบสถ์ที่ตั้งอยู่ในอำเภอปากเกร็ดของจังหวัดนนทบุรี หลังจากที่หลวงปู่ขาวท่านได้มีโอกาสมาร่ำเรียนกับพระอาจารย์ของท่านซึ่งก็คือหลวงปู่เริ่ม จึงทำให้เกิดความศรัทธาและเข้ารับการอุปสมบทอยู่ที่วัดหลักสี่แห่งนี้ ซึ่งเป็นวัดที่พระอาจารย์ของท่านได้สร้างขึ้น จากนั้นท่านก็จำพรรษาอยู่ที่วัดหลักสี่เป็นระยะเวลา 15 พรรษาก่อนที่จะทำการลาสิกขาเพื่อออกมาเป็นฆราวาส แต่ท่านก็อยู่เป็นฆราวาสได้เพียง 7 วันเท่านั้นเพราะท่านก็กลับไปบวชอีกครั้ง และครองสมณะเพศไปตลอดชีวิตจนกระทั่งมรณภาพ ซึ่งตอนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านก็ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสแห่งวัดหลักสี่ซึ่งท่านคือเจ้าอาวาสรูปที่ 2 ของวัดหลักสี่แห่งนี้สืบต่อจากหลวงปู่เริ่มที่เป็นพระอาจารย์ของท่าน โดยอุปสัยส่วนตัวแล้วหลวงปู่ขาวท่านจะเป็นคนพูดน้อยเงียบขรึม และถือสมถะ ท่านเป็นพระนักปฏิบัติและมีความเคร่งครัดต่อจริยวัตรและการปฏิบัติอย่างมาก และสิ่งนี้จึงทำให้เหล่าบรรดาลูกศิษย์ลูกหารวมถึงญาติโยมเคารพและศรัทธาในตัวท่านอย่างมาก และนอกจากนี้คำพูดของท่านนับได้ว่าเป็นวาจาสิทธิ์ยิ่งนัก แต่ก็มีความเมตตาธรรมสูง รวมไปถึงทางด้านวัตถุมงคลต่างๆแต่ละชิ้นนั้นล้วนแล้วแต่ทรงพุทธคุณจนกลายเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับในเรื่องของชานหมากที่ท่านเคี้ยว เพราะในขณะที่ท่านเคี้ยวอยู่นั้นท่านจะภาวนาพระคาถาไปด้วยจึงทำให้ลูกศิษย์ลูกหามักจะขอชานหมากที่ท่านเคี้ยวนั้นไปเป็นของขลังเพื่อพกติดตัวเวลาไปไหนมาไหน และลูกศิษย์ของท่านก็มักจะมาคอยรอรับชานหมากที่ท่านเคี้ยวอยู่เสมอๆ สำหรับวัดหลักสี่นั้นเรียกได้ว่ามีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่หลวงปู่ขาวท่านเป็นเจ้าอาวาส ทั้งยังได้สร้างพระสถูปเจดีย์และได้สร้างมณฑปเอาไว้สำหรับประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และนอกจากนี้ทางวัดยังได้มีการมอบที่ดินทางบริเวณด้านทิศตะวันตก เพื่อให้เป็นที่ขุดคลองสำหรับการสัญจรทางน้ำ […]
ประวัติความเป็นมาของ “หลวงปู่พัฒน์ ปุญญกาโม วัดห้วยด้วน(ธารทหาร)” จ. นครสวรรค์

เอาใจแฟนๆคนรักพระเครื่องกับพระครูผู้มีชื่อเสียงโด่งดังทางฝั่งจังหวัดนครสวรรค์กันบ้าง ครั้งนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ ประวัติความเป็นมาของ “หลวงปู่พัฒน์ ปุญญกาโม วัดห้วยด้วน(ธารทหาร)” จ. นครสวรรค์ พร้อมกับจะมาบอกถึงรายละเอียดเพิ่มเติมของเหรียญรุ่นดังยอดนิยมของหลวงปู่ และเราเชื่อว่าลูกศิษย์ลูกหาที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่พัฒน์ จะต้องชื่นชอบถึงเนื้อหาสาระที่เราได้นำมาฝากในครั้งนี้กันอย่างแน่นอน ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาอ่ะเราจะพาคุณไปพบกับรายละเอียดที่น่าสนใจกันเลยดังต่อไปนี้ ประวัติหลวงปู่พัฒน์ สำหรับหลวงปู่พัฒน์ ปุญญกาโม นั้น หรือ พระราชมงคลวัชราจารย์ เดิมทีท่านเป็นคนจังหวัดนครสวรรค์เกิดเมื่อปีพ.ศ. 2465 ในวันที่ 12 พฤษภาคม ณ บ้านสระทะเล อำเภอพยุหะคีรีจังหวัดนครสวรรค์เป็นบุตรของนายพุฒ กับ นางแก้ว ก้อนจันทร์เทศ ต่อมาช่วงปีพ.ศ. 2489 ท่านก็ได้เข้ารับอุปสมบทณวัดสระทะเล ซึ่งในครั้งนั้นได้มีหลวงปู่ยอด แห่ง วัดเขาแก้ว (พระธรรมไตรโลกาจารย์) เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอนุสาวนาจารย์ คือ พระอธิการชั๊ว แห่ง วัดสระทะเล และมีพระกรรมวาจาจารย์ คือ หลวงปู่กัน แห่ง วัดเขาแก้ว ซึ่งหลวงปู่พัฒน์ได้มีฉายาว่า “ปุญฺญกาโม” ครอบครัวของหลวงปู่พัฒน์นั้นมีอาชีพเป็นเกษตรกร ในเวลาต่อมาครอบครัวของท่านโดยบิดาและมารดาของท่านได้ย้ายไปอาศัยอยู่ ณ บ้านห้วยด้วน เพื่อประกอบอาชีพเกษตรกร ในเวลาต่อมาช่วงปีพ.ศ. […]
ประวัติความเป็นมา “เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อชม วัดท่าไทร จ. สุราษฎร์ธานี”

จะพาคุณมารู้จักกับพระเครื่องทั้งแถบภาคใต้กันบ้าง ซึ่งในครั้งนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับเหรียญรูปเหมือนซึ่งเป็นพระเครื่องล้ำค่าของชาวจังหวัดสุราษฎร์และจะมาพูดถึง ประวัติความเป็นมา “เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อชม วัดท่าไทร จ. สุราษฎร์ธานี” สำหรับเหรียญรูปเหมือนรุ่นนี้ต้องขอบอกเลยว่าถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลล้ำค่าที่ค่อนข้างหายากมากในปัจจุบัน และมีราคาที่ค่อนข้างสูงไม่น้อย ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับข้อมูลที่น่าสนใจกันได้เลยดังต่อไปนี้ ประวัติหลวงพ่อชม คุณาราโม วัดท่าไทร จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำหรับพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่ใครๆมักรู้จักกันดีในนาม หลวงพ่อชมคุณาราโม หรือ “พระครูดิตถารามคณาศัย” เดิมทีนั้นท่านมีชื่อว่า ชม ทวดสิญจน์ ได้เกิดในช่วงปีพ.ศ. 2440 เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กันยายน เกิดนะตำบลช้างขวา ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอ กาญจนดิษฐ์ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่4 (ป.4) ซึ่งในยุคนั้นเรียกได้ว่าเป็นชั้นการศึกษาที่ค่อนข้างสูง แต่ในช่วงวัยเด็กนั้นท่านมีความสามารถทางด้านการเรียนหนังสือไทยรวมถึงภาษาขอม ซึ่งได้ร่ำเรียนกับหลวงพ่อแก้ว ซึ่งท่านได้เป็นอดีตเจ้าอาวาสของวัดท่าไทร ตำบลทุ่งกง ซึ่งในปัจจุบันคือตำบลท่าทองใหม่ เมื่ออายุครบ 15 ปี ก็ได้เข้าพรรพชา ณ วัดท่าไทร เป็นสามเณรและได้บวชเรียน ซึ่งในตอนนั้นได้มีพระพระอุปัชฌาย์คือ พระครูวิฑูรธรรมศาสตร์ แห่งวัดโพธาวาส และหลวงปู่ชมท่านก็ยังคงศึกษาเล่าเรียนกับหลวงพ่อแก้วอย่างตลอดมา เมื่อมาถึงอายุครบ 20 ปีที่จะสามารถบวชเป็นพระได้ท่านก็ได้เข้าอุปสมบท ที่ตำบลตะแกะ อำเภอกาญจนดิษฐ์ […]
ประวัติความเป็นมาของ “หลวงปู่ชา สุภทฺโท” วัดหนองป่าพง จ. อุบลราชธานี !

หากเอ่ยถึงพระเกจิอาจารย์แห่งภาคอีสานตอนล่าง ต้องขอบอกเลยว่าใครหลายคนอาจจะนึกถึงหลวงปู่ชาขึ้นมาทันที ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพระสายป่าแห่งยุคกันเลยก็ว่าได้ ซึ่งในวันนี้เราได้นำเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของ “หลวงปู่ชา สุภทฺโท” วัดหนองป่าพง จ. อุบลราชธานี ! มานำเสนอ เพราะเราชื่อว่าลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่เคารพเลื่อมใสหลวงปู่ชาเป็นเดิมอยู่แล้วนั้น จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอนและสำหรับท่านใดที่ยังไม่เคยทราบประวัติของท่านมาก่อนต้องไม่ควรพลาด เพราะในครั้งนี้เราจะมาเล่าอย่างละเอียดให้คุณได้รับชมกัน ณ บัดนี้ ประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ชา สุภทฺโท สำหรับพระโพธิญาณเถร วิ. (ชา สุภทฺโท) หรือ หลวงปู่ชานั้น กล่องอื่นต้องขอบอกเลยว่าครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นเรียกได้ว่าท่านอุทิศชีวิตให้กับการปฎิบัติธรรมและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และทำการเผยแพร่ให้กับปวงชนชาวไทยรวมไปถึงชาวต่างชาติในประเทศเพื่อนบ้านและต่างทวีปอีกด้วย ชื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอันมีอเนกอนันต์อย่างมาก ท่านเป็นพระสายปฏิบัติและถึงแม้ว่าท่านจะมรณภาพไปหลายปีแล้วก็ยังมีใครหลายคน ทั้งลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมยังคงนึกถึง และศรัทธาท่านอย่างไม่เสื่อมคลาย เรามาเข้าเรื่องประวัติของท่านกันเลยดังนี้ เดิมทีท่านเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี เกิดวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายนช่วงปีพ.ศ. 2461 (ปีมะเมีย) พื้นเพเดิมท่านเป็นคนตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบเปิดหน้าหมู่บ้านจิกก่อ ท่านเป็นบุตรของนายมา ช่วงโชติ กับ นางพิมพ์ ช่วงโชติ และมีพี่น้องร่วมสายเลือดที่มีบิดามารดาเดียวกันจำนวน 10 คน หลวงปู่ชานั้นท่านได้ศึกษาเล่าเรียนชั้นประถม ณ ตำบลธาตุ ชื่อว่าโรงเรียนบ้านก่อ ในอำเภอวารินชำราบ ของจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อท่านได้จบชั้นประถมศึกษาปีที่1แล้ว […]
ที่มาพระเครื่องล้ำค่า “พระปิดตา หลวงปู่จัน ณ วัดโมลี เมืองนนทบุรี”

มาทางฝั่งภาคกลางกันบ้างจังหวัดนนทบุรีกันบ้างในครั้งนี้เราจะมาพูดถึง ซึ่งหลวงปู่จันแห่งวัดโมลีงั้นเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพระเกจิอาจารย์ที่มีความเข้มขลังทางด้านพุทธาคมอย่างมาก ซึ่งในครั้งนี้เราจะมาบอกถึง ที่มาพระเครื่องล้ำค่า “พระปิดตา หลวงปู่จัน ณ วัดโมลี เมืองนนทบุรี” ที่ใครๆก็ตามหา เนื่องด้วยชื่อเสียงโด่งดังและมีคำร่ำลือถึงอย่างมากมาย ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณไปพบกับเนื้อหาสาระที่น่าสนใจดังต่อไปนี้กันเลย ที่มาของวัดโมลี จังหวัด นนทบุรี ก่อนอื่นต้องขออนุญาตแกร่งถึงวัดโมลีกันเสียก่อน สำหรับวัดแหางนี้ เดิมทีมีชื่อว่าวัดใหม่สุวรรณโมลี ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยของรัชกาลที่สาม หรือประมาณปีพ.ศ. 2375 ซึ่งมีผู้ศรัทธาได้นำเงินมาถวาย ซึ่งเป็นผู้สลักปิ่นปักมวยผมขาย เมื่อวัดได้สร้างเสร็จแล้ว สัญลักษณ์ของวัดจึงเป็นปิ่นปักผม และยังคงมีมาเสมอจนถึงอายุปัจจุบัน ถัดมาในช่วงปีพุทธศักราช 2544 เมื่อครั้งที่ “สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส” ได้เสด็จมาเยือนวัดแห่งนี้ก็ได้ประทานชื่อให้ใหม่เป็นวัดโมลีเนื่องจากชื่อเก่านั้นมีความยาวเกินไป เป็นวัดที่มีความร่มรื่นและมีอุโบสถที่กว้างมากถึง 8 เมตรซึ่งอุโบสถได้สร้างขึ้นภายหลังเราราวปีพ.ศ. 2542 มีลักษณะเป็นอุโบสถทรงไทยที่ได้ทำการมุงหลังคากระเบื้องแบบเคลือบโดยใช้หลังคาแบบสามชั้นทั้งยังมีการสลักลายไทยลงยังประตูและหน้าต่างของวัดอีกด้วยเป็นวัดที่มีความงดงามและรุ่งเรืองมาก มีเจ้าอาวาสรูปแรกซึ่งมีนามว่าเถื่อน และหลวงปู่จันคือเจ้าอาวาสรูปที่สามของวัด สำหรับหลวงปู่จันทร์นั้นท่านได้สร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลหลายชิ้นซึ่งวัตถุมงคลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและโด่งดังมากก็คือ “พระปิดตา มหาอุดเนื้อแร่บางไผ่” ซึ่งในครั้งนี้เราจะมาบอกเราให้คุณได้ทราบกัน ประวัติของหลวงปู่จัน วัดโมลี จังหวัดนนทบุรี หลวงปู่จันทร์นั้นเดิมทีท่านเป็นชาวกัมพูชา เกิดประเทศกัมพูชาประมาณเราราวปีพ.ศ. 2355 จากนั้นก็ได้เข้าอุปสมบทและศึกษาพระธรรมมาวินัยอย่างเคร่งครัด เมื่อเราเรียนวิชาก็ได้ออกธุดงค์และทำการแสวงบุญมาโดยตลอด ท่านมาจากเมืองกัมพูชา จนได้มาถึงอำเภอบางบัวทอง ในยุคนั้นหลวงปู่จันทร์มีชื่อเสียงโด่งดังมากชาวบ้านที่พากันรู้จักต่างร่ำลือกันว่ามีพระชาวกัมพูชา (หรือบางคนก็เรียกกันว่าพระเขมร […]
ประวัติความเป็นมาสุดขลังพระเก่าหายาก “หลวงพ่อจุก เมืองลพบุรี ” งดงามตามฉบับลังกา

หากจะเอ่ยถึงพระที่มีความงดงามทางพุทธศิลป์แบบลังกาแล้วใครหลายคนก็มักจะนึกถึงพระเก่าจากหลายหลายแห่งแต่ในครั้งนี้เราจะมาพูดถึงของขลังจากเมืองลพบุรีกับ ประวัติความเป็นมาสุดขลังพระเก่าหายาก “หลวงพ่อจุก เมืองลพบุรี ” งดงามตามฉบับลังกา ซึ่งเราเชื่อว่าใครหลายคนอาจยังไม่เคยได้ทราบถึงประวัติ และในครั้งนี้เราจะมาบอกถึงประวัติความเป็นมาพร้อมกับอธิบายพุทธะลักษณะขององค์แท้ให้คุณพี่ทราบ อย่างไรก็ตามเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณไปพบกับสิ่งที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ อาณาจักรลพบุรี หรือ ละโว้ ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับองค์พระเครื่องที่มีชื่อว่า “หลวงพ่อจุก” แห่งเมืองลพบุรีนั้น เราจะขออนุญาตเกริ่นนำถึงเมืองลพบุรีกันเสียก่อนเพื่อที่ท่านผู้อ่านจะได้เข้าใจถึงที่มาของเมืองแห่งนี้ว่ามีความสำคัญอย่างไร สำหรับเมืองลพบุรีนั้นเรียกได้ว่าเป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์และเรื่องราวอันยาวนาน รวมทั้งยังมีร่องรอยของการเป็นอยู่สำหรับมนุษย์ในช่วงก่อนยุคประวัติศาสตร์ซึ่งมีอายุเราราว3,000- 4,000 ปีเห็นจะได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยมีการขุดพบหลักฐานทางโบราณน่ะคดีไม่ว่าจะเป็นการพบกับกระดูกมนุษย์ซึ่งมีลักษณะเป็นโครงกระดูกของมนุษย์ยุคหิน ณบ้านโคกเจริญอีกทั้งยังได้เคยมีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ในยุคสัมฤทธิ์หรือประมาณช่วง 2,500 ถึง 2,800 ปีก่อน ที่บริเวณศูนย์การทหารปืนใหญ่เมื่อหลายปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีอารยธรรมโบราณและการขุดพบหลักฐานอย่างมากมาย ตามหลักฐานจากพงศาวดารเหนือ ได้เคยมีการกล่าวไว้ว่า ช่วงประมาณยุคของพุทธศตวรรษที่11-15 ได้มีการสร้างเมืองละโว้ขึ้นเมืองละโว้ตามภาษาบาลีนั้นจะเขียนว่า “ลวะปุระ” ซึ่งเป็นช่วงยุคสมัยธาราวดีถูกสร้างโดย พระยากาฬวรรณดิศราชซึ่งในการนั้นได้มีการให้พราหมณ์ยกพลมาทำการช่วยกันสร้างเมือง เมืองลพบุรีหรือละโว้ในยุคนั้นเรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางความรุ่งเรืองทางด้านศิลปะวัฒนะธรรมอย่างมาก สำหรับเมืองแห่งนี้จะถูกตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 ถึง 18 ซึ่งเมืองละโว้นั้นจะอยู่ภายใต้อำนาจของอาณาจักรเขมรบ้างเป็นครั้งคราวไปจนถึงช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 จากนั้นเมื่อความอ่อนแอเกิดขึ้นภายในอาณาจักรเขมรและเมื่ออาณาจักรเขมรได้ไร้อำนาจ จึงทำให้เมืองและรัฐต่างๆที่เคยอยู่ภายใต้อำนาจเหล่านั้นแยกตัวออกมาเป็นอิสระ และเมืองละโว้นั้นก็ได้แยกตัวออกมาเช่นกันในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 อีกทั้งยังได้มีการปรากฏหลักฐานว่าเมืองละโว้ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 นั้น จากการสันนิษฐานคาดว่าเมืองลพบุรีอาจเป็นเมืองที่พระเจ้าอู่ทองนั้นท่านเคยได้ครองราชมาก่อน ก่อนที่จะมีการสถาปนาอาณาจักรอยุธยาให้เป็นเมืองหลวง เมืองลพบุรีนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราชธานีที่สองโดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้เป็นผู้สถาปนา แต่เมื่อครั้นถึงเวลาต่อมาหลังจากที่ไม่ใช่ยุคของสมเด็จพระนารายณ์แล้วเมืองลพบุรีก็มิได้สำคัญดังก่อน และต่อมาเมื่อถึงยุคของพระบาทสมเด็จพระจอมเก้าเจ้าอยู่หัวหรือในยุคสมัยของรัชกาลที่4 […]