
หากจะพูดถึงเรื่องราว เครื่องรางของขลัง นั้น คงต้องย้อนไปไกลเพราะมีมานานมากแล้ว ไม่ได้มีเพียงประเทศของเราประเทศเดียวเท่านั้น แต่มีมาอย่างยาวนานกันทั้งทั่วโลก เรียกได้ว่ามีกันมาตั้งแต่สมัยโบราณเลยก็ว่าได้ และวันนี้เราได้ รวมประวัติความเป็นมาของ “เครื่องราง” จากต่างประเทศทั่วโลก ! มาให้คุณได้รู้จัก เพราะเครื่องรางของขลังในแต่ละภูมิภาค และในแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรูปร่างรูปทรงของเครื่องราง หรือเรื่องความเชื่อ รวมทั้งข้อปฏิบัติในการใช้งานด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากใครอยากทราบกันแล้วว่า เครื่องรางของขลังในแต่ละภูมิภาคและแต่ละประเทศนั้น มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร อย่ารอช้าเราไปดูพร้อมๆ กันเลย
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับคำว่าเครื่องรางของขลังกันเสียก่อน สำหรับเครื่องรางนั้นก็คือ ของที่ผู้คนต่างมีความเชื่อว่าสามารถป้องกันภัยอันตรายได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มองเห็นหรือสิ่งที่มองไม่เห็น สำหรับเครื่องรางของคนไทยนั้นเราจะยกตัวอย่าง เช่น ผ้ายันต์ ตะกรุด ต่างๆ ซึ่งของที่นำมาเป็นเครื่องรางนั้นล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุมงคล และได้ผ่านการปลุกเสกหรือการทำพิธีกรรม เพื่อความเข้มขลังในการปกป้องคุ้มภัยให้กับครอบครองบูชาได้
ส่วนของขลังนั้นก็คือ ของที่มีความเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และมีพลังอำนาจในการบันดาลสิ่งต่างๆให้ผู้ครอบครองบูชาได้สมประสงค์ บันดาลให้สิ่งต่างๆเป็นไปตามคาดหวัง สำเร็จและลุล่วงไปได้ด้วยดี
ดังนั้นเครื่องรางของขลังจึงมักถูกนำมาใช้คู่กัน แต่โดยปกติแล้วจะเป็นเรื่องเหนือหลักคำสอนของศาสนาพุทธ และถูกจัดให้อยู่ในประเภทไสยศาสตร์เสียมากกว่า เพราะมีทั้งของขลังที่เป็นสายขาวและสายดำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ก่อนที่จะเริ่มมีศาสนาเสียด้วยซ้ำ
แต่ละชนเผ่าในแต่ละประเทศ แต่ละภูมิภาคในโลกนี้นั้น ก็มีเครื่องรางของขลังไว้เพื่อคุ้มครอง และนำโชคให้กับผู้คนในชุมชนของตนเอง อาจเนื่องด้วยอารยธรรมที่แตกต่างกันก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้รูปร่างหน้าตารวมไปถึงวัตถุดิบ ที่ใช้สร้างเครื่องรางของขลังนั้นมีความแตกต่างกันออกไป และวันนี้เราได้หยิบเครื่องรางของขลังที่เด่นๆมาเล่าสู่กันฟัง โดยเราจะแบ่งตามทวีปที่มีในโลก เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น
นอกจากประเทศไทยเราแล้ว เครื่องรางฝั่งเอเชีย บ้านเรานั้น ก็มีกันอยู่มากมายทั้งยังเป็นที่นิยมกันอยู่ไม่น้อย แต่จะขออนุญาตไม่เอ่ยเครื่องรางของขลังในไทยในบ้านเรา เพราะมีรายละเอียดมากมาย ที่เราได้รวบรวมเอาไว้เพื่อคุณโดยเฉพาะในหน้าอื่น แต่ครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับเครื่องรางของประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่นประเทศกัมพูชา ประเทศพม่า ซึ่งถือเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเลยไปอีกสักหน่อยอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน โดยเราจะหยิบเพราะเครื่องรางเด่นๆ มาให้คุณได้ชมกัน อย่ารอช้า เราไปดูกันเลยดีกว่า
สำหรับในเรื่องของความเชื่อทุกที่ ทุกภูมิภาค ทุกประเทศ ล้วนแล้วแต่ต่างก็มีความเชื่อความศรัทธาไม่ต่างกัน ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นก็เช่นกัน ทั้งยังมีการสร้างวัตถุมงคล เครื่องรางประเทศญี่ปุ่นนั้นก็มีอยู่มากมายคล้ายของคนไทยเรา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรางนำโชคในด้านต่างๆ ซึ่งมีมากมายหลายแบบ ที่เรากำลังจะพาคุณไปรู้จัก เพราะในขณะนี้เครื่องรางจากประเทศญี่ปุ่นก็กำลังเป็นแก่ชาวโลกไม่น้อย
กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมากสำหรับหมู่คนไทย ที่เป็นนักท่องเที่ยวและชื่นชอบประเทศญี่ปุ่น สำหรับเครื่องรางที่คนญี่ปุ่นมักเรียกกันว่า โอมาโมริ ซึ่งเรียกตามความหมายของคำ และคำว่าโอมาโมรินั้น ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่าปกป้องคุ้มครอง มีลักษณะเป็นแผ่นที่ทำจากไม้หรือกระดาษ จากนั้นหุ้มด้วยผ้าที่คล้ายกับยันต์และมีเชือกคล้อง แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาหลายรูปแบบ อย่างเช่น แผ่นติดกระจกรถยนต์ พวงกุญแจ และสายคล้องมือถือ
สำหรับเครื่องรางนี้ คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าจะช่วยปกปักรักษาและช่วยส่งเสริมในด้านต่างๆ โอมาโมริมีหลายแบบ มีทั้งโอมาโมริที่ชื่อว่าคัตสึโมริ จะช่วยส่งเสริมด้านความสำเร็จ , ชิอาวาเสะที่ช่วยส่งเสริมนำพาความสุขให้กับชีวิต , เคงโกะ ที่ช่วยส่งเสริมในด้านสุขภาพให้ไร้โรคภัยไข้เจ็บ หรือเอ็น มุสิบิ ที่ช่วยส่งเสริมในด้านของความรักและการรักษาความสัมพันธ์ ซึ่งแต่ละเครื่องรางโอมาโมรินั้น จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป และมีนอกเหนือจากนี้อีกมากมาย แล้วแต่ประเภทของการส่งเสริมในแต่ละด้าน รวมทั้งสีสันและการออกแบบของแต่ละวัดและแต่ละภูมิภาคในประเทศญี่ปุ่น
เป็นอีกหนึ่งเครื่องรางที่ผู้คนมักนิยมใช้กันเป็นอย่างมาก สำหรับ กระพรวนญี่ปุ่น ซึ่งคนญี่ปุ่นนั้นมีความเชื่อกันว่า หากแขวนกระพรวนทอง กระดิ่งทองไว้หน้าบ้านหรือในรถ ก็จะช่วยปัดเป่าสิ่งเลวร้ายสิ่งไม่ดีออกไปจากบ้านได้ และเชื่อกันว่ากระพรวนทองนี้จะนำพาโชคลาภและเงินทองมาให้ สำหรับกระพรวนของญี่ปุ่นที่มีผู้คนนิยมกันมาก นั่นก็คือกระพรวนทองที่วัดอาซากุสะ แห่งกรุงโตเกียวนั่นเอง
สำหรับเครื่องรางที่เรียกกันว่า ตุ๊กตาฮินะมัตสึริ หรือ ตุ๊กตาฮินะ นั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณซึ่งมีความเชื่อกันมาอย่างยาวนานว่า ความเจ็บป่วยจากเด็กๆ และความโชคร้ายต่างๆนั้นจะถูกถ่ายทอดไปยังตุ๊กตา ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นนั้น จะมี “เทศกาลวันเด็กผู้หญิง” ที่เรียกกันว่าเทศกาล ฮินะมัตสึริ
ที่มีขึ้นเพื่อ เป็นการเฉลิมฉลองและอวยพรให้เด็กผู้หญิงในบ้าน มีสุขภาพที่แข็งแรง และมีความสุขรวม ทั้งเติบโตเป็นคนดีและประสบความสำเร็จ ในวันที่ 3 มีนาคมของทุกๆปี โดยจะนำตุ๊กตาฮินะแบบโบราณ มาตกแต่งสวมชุดแบบคนญี่ปุ่นโบราณแล้วนำมาประดับไว้ในบ้าน ไปจนถึงวันที่ 3 มีนาคม ตามความเชื่อที่ว่า “ตุ๊กตาจะเป็นตัวแทนของเด็กผู้หญิง เพื่อรับสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นในปีนั้นแทน” และหลังจากวันที่ 3 มีนาคมก็จะถูกเก็บออก ทั้งยังมีความเชื่อกันอีกว่าหากหลังวันที่ 3 มีนาคมแล้ว บ้านใดไม่เก็บตุ๊กตาฮินะนี้ลง “ลูกสาวบ้านนั้นจะไม่ได้แต่งงาน” หรือขึ้นคานนั่นเองจ้า
เครื่องรางประเทศกัมพูชา หรือที่หลายๆท่าน มักนิยมเรียกกันว่าเครื่องรางเขมร ซึ่งมีความเก่าแก่และเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับประเทศไทยเรามาตั้งแต่ทำไมโบร่ำโบราณ จนกระทั่งในยุคปัจจุบันก็ยังมีผู้นิยมชมชอบ และสะสมเครื่องรางของขลังเขมรกันอยู่ เนื่องจากมีความขลังที่ร่ำลือกันมาอย่างช้านาน จะว่าไปแล้วอย่ามัวรอช้ากันอยู่เลย ไปดูตัวอย่างกันเลยดีกว่า
เรามาเริ่มกันที่ ปู่เจ้าสมิงพรายของ อ.วรา ปราการ ซึ่งมีความเชื่อกันว่า สามารถช่วยปกปักรักษาผู้ที่ครอบครองบูชา ช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายและสิ่งไม่ดีให้ออกไปจากเราได้ ไม่ว่าหญิงหรือชายก็สามารถบูชาได้ สำหรับพุทธคุณของปู่เจ้าสมิงพรายนั้นมีความโดดเด่นมาก ในด้านเมตตามหานิยม และสามารถครอบคลุมในทุกๆด้าน อีกทั้งยังเชื่อกันว่าผู้ใดที่มีไว้ในครอบครองบูชาจะช่วยในด้านของอำนาจบารมีช่วยเสริมให้ดีมากยิ่งขึ้น ถือเป็นเครื่องรางชั้นสูงของกัมพูชา จึงทำให้เป็นที่ปรารถนาแก่ผู้ที่ชอบสะสมเครื่องรางของขลัง แต่ก็ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายนัก ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องรางที่ผู้คนตามหาและหายากกันพอสมควร และไม่ใช่จะเป็นที่นิยมเฉพาะในประเทศกัมพูชาเท่านั้น สำหรับในประเทศไทยเราก็มีผู้นิยมกันอยู่ไม่น้อย
หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินกันอย่างคุ้นหู กับเครื่องรางที่ชื่อว่าสาริกาคู่ แต่หากจะพูดถึง สาริกาคู่ ปู่สะเรียง เมืองสุรินทร์แล้วล่ะก็ นักสะสมหลายๆท่านอาจจะต้องร้องว้าวกันอย่างแน่นอน เพราะมีพุทธคุณสูงที่ร่ำลือกันมาอย่างช้านาน ในเรื่องของดวงชะตาและด้านการเงิน ซึ่งมีความเชื่อกันว่าหากใครได้ครอบครองบูชา จากคนดวงตกจะเปลี่ยนชะตาให้จากร้ายกลายเป็นดี อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมเรื่องโชคลาภ สำหรับผู้ที่ชอบเสี่ยงโชคมักนิยมเสาะแสวงหาเครื่องรางนี้ไว้บูชากันเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีความเข้มขลังในด้านมหาเสน่ห์ ที่ช่วยส่งเสริมในเรื่องการเจรจาให้ราบรื่นเหมาะสำหรับผู้ค้าขายและทำธุรกิจอีกด้วย
มาต่อกันที่อีกหนึ่งเครื่องรางหายากของกัมพูชา พระงั่งตาแดงของหลวงปู่คีย์ วัดศรีลำยอง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีความโด่งดังมากในเรื่องของพุทธคุณที่ช่วยเสริมในด้านมหาเสน่ห์ มีความขลังแบบแรงกล้า และเป็นที่นิยมสำหรับคุณสุภาพบุรุษหลายๆท่าน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพการงานในด้านงานบริการกลางคืนเพราะจะช่วยในเรื่องการเจรจา และเสริมเสน่ห์ทางด้านชู้สาวได้เป็นอย่างดี
สำหรับเครื่องรางประเทศพม่านั้น ก็มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ไม่พ้นชาติใดในโลก อีกทั้งยังมีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วเอเชียและเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยในยุคปัจจุบันมากเช่นเดียวกัน และสำหรับครั้งนี้เราได้หยิบมาเพียงหนึ่งความศักดิ์สิทธิ์ ที่โดดเด่นที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดมาฝากคุณ
ค่อนข้างจะมีผู้นิยมในประเทศไทยของเรามากสำหรับ เทพทันใจที่เราได้นำมาฝากกันในครั้งนี้ เพราะมีชื่อเสียงร่ำลือของความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะ ช่วยส่งเสริมในด้านความรัก ในปัจจุบันประเทศไทยเราก็มีผู้นิยมเป็นอย่างมาก เทพทันใจนี้มีด้วยกันหลายองโดยองค์ที่คนไทยมักจะไปขอพรมากที่สุดก็คือ เทพทันใจนัตโบโบยี เจดีย์โบตาทาวน์ แต่เงื่อนไขสำหรับการอธิษฐานขอพรนั้น คือคุณจะต้องขอพรได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น
ซึ่งวิธีการขอพรก็คือให้คุณนำธนบัตร 2 ใบ นำไปใส่มือท่านและทำการอธิฐานในสิ่งที่คุณปรารถนาจากนั้นให้คุณดึงธนบัตรกลับมาเพียง 1 ใบ ( เพื่อเก็บติดตัวคุณไว้เป็นเครื่องรางประจำตัว ) จากนั้นให้คุณนำหน้าผากของคุณไปแตะกับนิ้วชี้ของท่านเพื่อเป็นการรับพร และนอกจากนี้ยังได้มีการทำเครื่องรางเทพทันใจออกมา ให้มีขนาดเล็กที่สามารถพกพาได้อีกด้วย
มาต่อกันที่ประเทศอินโดนีเซียในแถบบ้านเรา อินโดนีเซียนั้นถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอารยธรรมเก่า แก่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงมีชนเผ่า รวมทั้งคนป่าอีกหลายกลุ่มที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณในประเทศอีกมากมาย เครื่องรางประเทศอินโดนีเซีย มีความขลังที่น่าค้นหาอยู่ไม่น้อย และวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับเครื่องรางของขลังของพวกเขา ที่เราเชื่อว่าบางท่านอาจไม่เคยรู้จักเลยก็ว่าได้
พาคุณมารู้จักกับเครื่องรางที่มีชื่อว่า เจ็งล็อต ( Jenglot ) สำหรับเครื่องรางชนิดนี้ มีรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างหน้ากลัวไม่น้อย ถึงขั้นที่ว่าหน้ากลัวราวกับสัตว์ร้าย มีรูปร่างคล้ายกับคนที่ผอมแห้งแรงน้อย มีเล็บยาวและมีเขี้ยวที่แหลมคมจนน่ากลัว ทั้งยังมีขนาดลำตัวที่เล็กเหมือนซากศพแห้งๆที่ถูกย่อส่วน แต่มีความเชื่อในพลังลี้ลับที่ถูกเล่าต่อๆกันมาว่า เจงล็อตนั้นมีฤิทธิ์เดชที่ช่วยทำให้ผู้ได้ครอบครองบูชา โชคดีและสมประสงค์ตามปรารถนาที่คาดหวังไว้ หรือแม้กระทั่งสามารถสั่งให้เจงล็อตทำร้ายคนได้ด้วย แต่ผู้ที่จะบูชาเจงล็อตนั้นจะต้องบูชาให้ถูกต้อง หากบูชาไม่ดีไม่ถูกต้องเจงล็อตจะกลับมาทำร้ายคนที่มีไว้ในครอบครองบูชา
จากบันทึกในปี 1997 เชื่อกันว่า เจ็งล็อต ได้มีขึ้นในช่วงปี 1972 สำหรับตำนานของเจ็งล็อตนี้ มีอยู่ด้วยกันคร่าวๆคือ 3 แบบ ได้แก่ 1. เจงล็อตที่เป็นเครื่องรางที่ชาแมนได้พบภายหลังจากการทำพิธีกรรมซึ่งไม่ทราบถึงที่มาว่ามาจากที่ใด 2. เจงล็อตที่เป็นสัตว์ร้ายที่ถูกผู้มีวิชาอาคมจับมาเลี้ยงไว้ ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์ และ 3. มีความเชื่อกันว่าเจงล็อตคือมนุษย์ที่เคยร่ำเรียนวิชาสายเวทมนตร์ด้านมืด เพื่อจะทำให้ตนเป็นอมตะดังนั้นเมื่อตายไปร่างกายจึงถูกแผ่นดินปฏิเสธ จนไม่สามารถเน่าสลายและหดตัวลงจนเล็กลงในที่สุดและมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัวราวสัตว์ร้าย
ซึ่งเจ็งล็อตนั้นมีทั้งดีและไม่ดี หากเป็นเจ็งล็อตดีจะกินพวกธัญพืช หมาก หรือยาสูบ แต่หากเป็นเจ็งล็อตไม่ดีสายมืดก็จะมีนิสัยดุร้ายและจะกินเลือดเป็นอาหาร ซึ่งคนที่นำมาเลี้ยงบูชาก็จะต้องนำเลือดสัตว์มาบูชาหรือแม้แต่เลือดมนุษย์ทตามความเชื่อที่ถูกเล่าต่อๆ กันมา ถือว่าเป็นเครื่องรางที่มีความดาร์กอยู่ไม่น้อย
มาต่อกันที่ประเทศจีนกันเลยดีกว่า จีนนั้นถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่และมีอายุยาวนานเป็นพันๆปี ทั้งมีอำนาจมาตั้งแต่สมัยโบราณ ย่อมเป็นธรรมดาจะสร้างเครื่องรางของเด็ดๆ ไว้เพื่อปกปักรักษาผู้คนในประเทศ รวมความโดดเด่นในเรื่องของเครื่องรางที่นำความโชคดี ชื่อเสียง เงินทองมาให้ และวันนี้เราได้คัดมาเฉพาะที่เป็นที่นิยมกันมาฝาก
คงไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ ฮก ลก ซิ่ว ซึ่งเป็นเทพเจ้าของชาวจีน ที่มีตำนานเล่าขานกันมามากมายตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งมีความเชื่อกันว่าหากใครได้ครอบครองบูชาแล้วจะช่วยในเรื่องความสำเร็จ ความมั่งคั่ง และช่วยส่งเสริมให้มีอายุยืน สำหรับการบูชา ฮก ลก ซิ่ว นั้น จะต้องบูชาเทพทั้งสามองคนไม่ใช่เลือกบูชาเพียงองค์ใดองค์หนึ่ง เพราะเทพทั้ง 3 องค์นั้น เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันทั้งหมด
สำหรับเทพเจ้า ไฉ่ซิงเอี๊ย นั้น ถือเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ชาวจีนให้ความเคารพนับถือและศรัทธาเป็นอย่างมาก มักเป็นที่นิยมในหมู่ของนักสะสมที่ชอบเครื่องรางของขลัง โดยมีความเชื่อกันว่าหากใครได้ครอบครองบูชาก็จะนำพาทรัพย์สินเงินทองโชคลาภและความมั่งคั่ง ทำให้ผู้ครอบครองบูชามั่งมีศรีสุข ชีวิตมีความสุข นั่นเอง
ชาวจีนมีความเชื่อกันว่าค้างคาวนั้น เป็นสัตว์ที่นำพาความโชคดีมาให้จึงมีการสร้างเครื่องรางที่เกี่ยวกับค้างคาวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอที่เป็นรูปค้างคาว และอย่างอื่นอีกมากมายที่เกี่ยวกับค้างคาว คำว่าค้างคาวในภาษาจีนนั้นจะมีความพ้องเสียงกับคำที่มีความหมายว่า “โชคดี” และเครื่องรางที่เกี่ยวกับค้างคาวนั้นผู้คนในปัจจุบันก็ยังคงนิยม และมีความเชื่อว่าจะนำความโชคดีมาให้ รวมถึงคนไทยบางกลุ่มก็นิยมสะสมเครื่องรางค้างคาวเช่นกัน
ได้ทราบเรื่องราวของเครื่องรางฝั่งเอเชียบ้านเรากันไปแล้ว ต่อไปเราจะพาไปดูเครื่องรางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้กันบ้างดีกว่า ซึ่งทางฝั่งตะวันออกกลางนั้นมีอารยธรรมโบราณ ที่มีมาอย่างยาวนานนับเป็นพันปี แต่ก็มีความเชื่อไม่ต่างจากทางบ้านเราและได้มีการสร้างเครื่องรางมา เพื่อเอาไว้ปกปักรักษาลูกหลานและผู้คนในท้องถิ่นของตนเช่นกัน และวันนี้เราจะมายกตัวอย่างสำหรับเครื่องรางของประเทศที่เด่นๆ เพื่อให้คุณได้รู้จักกันมากขึ้น หากอยากทราบกันแล้วว่ามีอะไรบ้างนั้น อย่ารอช้าไปดูกันเลยดีกว่า
สำหรับประเทศตุรกีนั้นถือเป็นประเทศที่อยู่บนผืนแผ่นดิน 2 ทวีป ซึ่งก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องรางที่ถูกกล่าวขานมานาน กว่า 5000 ปี มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องราวของไสยศาสตร์ไม่ต่างจากฝั่งเอเชียแถบบ้านเราเช่นกัน และในครั้งนี้เราได้ยกตัวอย่างเครื่องรางของประเทศตุรกีมาฝาก แต่หากอยากทราบกันแล้วว่าเครื่องรางที่ว่านั้น คืออะไร อย่ารอช้าเรามาดูกันเลยดีกว่า
สำหรับท่านใดที่เคยได้ไปเที่ยวประเทศตุรกีโดยเฉพาะเมือง cappadocia คงจะเคยเห็นการแขวนสัญลักษณ์ที่เป็นรูปดวงตาสีฟ้า ที่ทำมาจากแก้วหรือกระจกรวมทั้งลูกปัด ที่มีลักษณะเป็นรูปดวงตา ภายในประกอบไปด้วยสีน้ำเงิน สีฟ้า สีขาว และมีสีดำอยู่ตรงกลาง ซึ่งชาวตุรกีจะเรียกกันว่า Evil Eyes ที่มีความหมายว่าดวงตาปีศาจ และมีชื่อเรียกอีกมากมาย มีความเชื่อกันว่าเครื่องรางนี้ จะช่วยปกป้องครองผู้ที่ครอบครองบูชา ให้พ้นอำนาจมืดและสิ่งชั่วร้าย รวมถึงความอิจฉาริษยาจากผู้ที่คอยปองร้าย นอกจากนี้ไม่ได้มีเพียงประเทศตุรกีเท่านั้น ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับเครื่องรางนี้มีการเผยแพร่ไปยัง ประเทศที่อยู่ละแวกใกล้ๆ อีกด้วย
หากจะกล่าวถึงฝั่งทวีปยุโรป ที่มีผืนแผ่นดินกว้างใหญ่และมีอารยธรรมเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณนั้น ก็มีความแตกต่างและมีเรื่องราวมากมายให้น่าค้นหาอยู่ไม่น้อย ฝั่งทวีปยุโรปนั้นก็มีความเชื่อ เกี่ยวกับภูตผีปีศาจและไสยศาสตร์ ทั้งยังมีการสร้างเครื่องรางของขลังไว้ปกปักรักษา ผู้คนในท้องถิ่นของพวกเขาไม่ต่างจากผู้คนในแถบเอเชียบ้านเรา และในครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับเครื่องรางฝั่งยุโรปว่าพวกเขามีความเชื่อแตกต่างจากเราอย่างไร และลักษณะเครื่องรางของขลัง ของพวกเขาจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับครั้งนี้เราได้รวบรวมมาไว้ให้พวกคุณที่นี่เรียบร้อยแล้ว
เมืองผู้ดีอย่างประเทศอังกฤษก็มีความเชื่อ เกี่ยวกับเครื่องรางเช่นเดียวกันกับแถบเอเชียบ้านเรา และวันนี้เราจะมาหยิบยกตัวอย่างเครื่องรางประเทศอังกฤษของพวกเขา ให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักกัน หากอยากทราบกันแล้วว่า เครื่องรางประเทศอังกฤษ มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรบ้างนั้น อย่ารอช้า เราไปดูกันเลยดีกว่า!
หลายท่านอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากับใบโคเวอร์ ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ ไม่ว่าจะในภาพยนตร์ หรือการ์ตูนจากต่างประเทศทั้งหลาย สำหรับใบโคเวอร์ 4 กลีบ (Four Leaf Clover) นี้ ถือเป็นใบไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังซ่อนเร้นและชาวอังกฤษมีความเชื่อกันว่า หากใครได้ครอบครองก็จะนำความโชคดีมาให้ เนื่องจากปกติแล้วใบครบเวอร์นี้ที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ จะมีเพียง 4 กลีบ แบบธรรมดาเท่านั้น หาน้อยมากที่จะมี 4 กลีบ
ประเทศสวีเดนหนึ่งในประเทศของกลุ่มสแกนดิเนเวีย ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกและคนฝั่งบ้านเราก็มักจะเรียกพวกเขาว่า ชาวไวกิ้ง ซึ่งเป็นประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่ มีวัฒนธรรมประเพณีมากมาย มาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งยังมีการเฉลิมฉลอง มากมายตลอดทั้งปี มาจนถึงในยุคปัจจุบัน และพวกเขาก็ได้มีความเชื่อเกี่ยวกับการปกป้องคุ้มครอง ไม่ต่างจากแถบเอเชียบ้านเราเช่นกัน รวมไปถึงเครื่องรางประเทศสวีเดนก็มีเช่นกัน
เครื่องรางของชาวสวีเดนอย่าง ม้าไม้แกะสลัก นี้ ได้มีแหล่งกำเนิดมาจาก Mora, Dalarna และNusnäs ซึ่งคนสวีเดนมีความเชื่อกันว่า ม้าไม้แกะสลักนี้เป็นตัวแทนแห่งการมีสติปัญญา ด้านความซื่อสัตย์และความแข็งแกร่ง ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงมีความเชื่อและมีนิยมผู้สะสมม้าไม้แกะสลักนี้อยู่
ไม่รู้จักกับเครื่องรางของฝั่งทวีปต่างๆ กันไปแล้วต่อไปเรารู้จักกับเครื่องรางฝั่งอเมริกากันบ้าง ซึ่งก่อนจะกลายมาเป็นทวีปและประเทศอเมริกานั้น ก็มีความเป็นมาเป็นไปอย่างยาวนานเช่นกัน รวมถึงชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆมีความเชื่อในเรื่องราวของไสยศาสตร์ไม่ต่างจากคนเอเชียบ้านเรา รวมทั้งการสร้างเครื่องรางของขลังที่ทำให้ผู้คนทั่วโลก ได้รู้จักกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ และครั้งนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลเครื่องรางของฝั่งทวีปอเมริกามาฝากคุณไว้ที่นี่ อย่ารอช้าเราไปทำความรู้จักกันเลยดีกว่า
ประเทศเปรูนั้นเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ มีวัฒนธรรมและประเพณีที่งดงาม ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณและมีชนเผ่ามากมาย ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีคนทั่วโลกเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศนี้กันมากขึ้น นอกจากนี้พวกเขายังมีความเชื่อเกี่ยวกับภูตผี และมีเครื่องรางของขลังเอาไว้ปกปักรักษาผู้คนในท้องถิ่นเช่นเดียวกับบ้านเรา และเราจะพาคุณไปรู้จักกับเครื่องรางของขลังของพวกเขา ที่เราได้เตรียมมาฝากคุณกันที่นี่
สำหรับเครื่องรางที่มีชื่อว่า Tumi ถือเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีซึ่งชาวเปรูมีความเชื่อกันว่าอย่างนั้น ซึ่งหากใครได้เคยไปเที่ยวที่ประเทศเปรู อาจจะเห็นสัญลักษณ์เครื่องรางที่เรียกกันว่า Tumi ถูกแขวนอยู่ตามผนังบ้านและหน้าบ้านเต็มไปหมด อีกทั้งสัญลักษณ์Tumi นี้ ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวของประเทศอีกด้วย
สำหรับชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศอเมริกา หรือที่พวกเรามักจะเรียกกันว่า “ชาวอินเดียแดง” นั้นมีอารยธรรมที่เก่าแก่ และมีความเชื่อในเรื่องของรางสังหรณ์มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เครื่องรางชนเผ่าอเมริกันพื้นเมือง ที่มีความโด่งดังไปทั่วโลก แม้กระทั่งในไทยบ้านเรา ก็ยังเคยเห็นผู้คนนิยมนำรูปเครื่องรางบางอย่างของพวกเขา มาสักลงบนเรือนร่างกันด้วยเช่นกัน ซึ่งพวกเขาได้สร้างเครื่องรางเพื่อปกปักรักษาผู้คนในท้องถิ่นของพวกเขาเอาไว้มากมาย และวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับเครื่องรางของพวกเขา
คงเป็นชื่อที่คุ้นหูใครหลายคนสำหรับเครื่องรางชนิดนี้ที่มีชื่อเรียกว่า Dream Cather หรือ ตาข่ายดักฝัน นั่นเอง และเครื่องรางนี้เองที่เราได้กล่าวกันไว้เมื่อข้างต้นว่า คนไทยบางท่านได้นำรูปเครื่องรางนี้มาสักกันไว้บนร่างกายอาจเพื่อความสวยงามหรือเพราะความเชื่อตามที่มา ซึ่งก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละท่านกันไป
ซึ่งตาข่ายดักฝันนี้ มีที่มาจากวัฒนธรรมของชนเผ่าอินเดียแดงที่มีชื่อว่า Ojibway ( Chippewa ) ซึ่งมีความเชื่อกันว่าตาข่ายดักฝันนี้จะช่วยปัดเป่าฝันร้ายให้พ้นไป จะช่วยกรองความฝันให้มีแต่ฝันดีอยู่กับตัว โดยการนำมาห้อยบนเตียง หรือแขวนไว้ที่หน้าต่างห้องนอน อีกทั้งยังมีตำนานเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับตาข่ายดักฝันนี้ และในปัจจุบันตาข่ายนี้มีผู้คนจากทั่วโลกได้นิยมกันเป็นอย่างมาก สำหรับวัยรุ่นยุคใหม่ก็ได้นำเอามาตกแต่งห้องนอน และทำมาทำเป็นเครื่องประดับกันอีกด้วย
มาต่อกันที่เรื่องราวเครื่องรางของขลัง แถบทวีปแอฟริกากันบ้าง หากจะเอ่ยถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ และไสยเวทย์ของผู้คนทางฝั่งนี้ล่ะก็ ต้องขอบอกเลยว่าแถบทวีปนี้ค่อนข้างมีของขลังที่แรงกันพอสมควร มีทั้งศาสตร์มืดและศาตร์ขาว ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีตลาดมืดขนาดใหญ่ ที่ค้าขายเครื่องรางของขลังกันอย่างโจ๋งครึ่มอย่างเช่นในประเทศโตโก และวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ เครื่องรางฝั่งแอฟริกา สำหรับนำโชค ที่เชื่อว่าใครหลายคนคงอาจไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็เป็นได้ อย่ารอช้ากันอยู่เราไปดูพร้อมๆกันเลยดีกว่า
จะพาคุณมารู้จักกับ เครื่องรางประเทศสาธารณรัฐกานา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องราวของภูตผีปีศาจ และมีเครื่องรางของขลังที่คล้ายกับประเทศอื่นทั่วโลก แต่รูปร่างหน้าตาเครื่องรางของพวกเขาจะเป็นแบบไหน หากอยากทราบแล้วเราไปดูกันเลยดีกว่า
สำหรับเครื่องรางชนิดนี้ที่มีชื่อเรียกกันว่า ตุ๊กตาอาคัวบา เผ่าซานติ ( Akuaba doll ) มีลักษณะเป็นตุ๊กตาหัวโตทรงกลม แต่มีลำตัวยาว ถือเป็นตุ๊กตาที่เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคในการขอบุตร มีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วโลก ชาวกานามีความเชื่อกันว่าหากบ้านใดไม่มีลูกไว้สืบสกุล ให้นำตุ๊กตาอาคัวบานี้มาไว้ในบ้าน เพราะตุ๊กตาอาคัวบานี้จะช่วยทำให้การมีบุตรเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว หรือหากในกรณีที่ครอบครัวใดกำลังมีผู้หญิงตั้งครรภ์อยู่ในบ้าน ก็จะช่วยทำให้การคลอดบุตรเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก
ต่อมาภายหลังตุ๊กตาอาคัวบานี้ได้มีการแพร่หลายไปยังหลายประเทศ และมีผู้คนนิยมมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับคนยุคใหม่โดยเฉพาะสุภาพสตรี ได้มีการนำมาสร้างทำเป็นเครื่องประดับ บ้างก็นำมาทำเป็นจี้สร้อยคล้องคอ เพื่อเป็นการนำโชคให้กับพวกเขา ทั้งยังเป็นสินค้าพื้นเมืองไปในที่สุด
มาต่อกันที่ เครื่องรางประเทศอียิปต์ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศอียิปต์นั้น มีอารยธรรมโบราณที่มีอายุเก่าแก่มานานเป็นพันๆปี ซึ่งเครื่องรางประเทศอียิปต์ก็มีมากมาย วัตถุประสงค์ก็เพื่อใช้ในการปกป้องผู้คนในท้องถิ่นของตน ไม่ต่างจากบ้านเรา และในครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักเครื่องรางของพวกเขา ซึ่งมีความแตกต่างจากของทางบ้านเราอย่างแน่นอน หากใครอยากทราบกันแล้วว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เราไปชมพร้อมๆ กันเลย
มาเริ่มต้นกันที่เครื่องรางที่มีชื่อว่า อังค์ ซึ่งถือเป็นเครื่องรางที่มีความเก่าแก่และมีพลังอำนาจมากที่สุด ทั้งยังได้มีการแพร่หลายตลอดยุคประวัติศาสตร์ของอียิปต์ ซึ่งมีความเชื่อกันว่าอังค์คือความสมบูรณ์แบบ สายน้ำที่มอบชีวิตใหม่ให้ มีความเชื่อกันว่าช่วยส่งเสริมในเรื่องของโชคลาภและทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งในปัจจุบันได้มีการทำเป็นรูปแบบต่างๆ นอกจากจะทำเป็นเครื่องรางของขลังแล้ว ยังมีผู้นิยมนำมาทำเป็นกล่องกระจกส่องหน้าพร้อมนำมาหุ้มทอง และใส่สัญลักษณ์รูปอังค์นี้เข้าไป
สำหรับเครื่องรางที่มีชื่อว่าเฮเกตนี้ จะมีลักษณะเป็นรูปกบ โดยจะมีพระนามขององค์เทวีที่ชื่อเดียวกัน ในศิลปะของอียิปต์กำกับอยู่ ชาวอียิปต์โบราณนั้นนิยมนำเครื่องรางนี้มาใช้ในการรักษาโรค โดยการนำเฮเกตนี้มาวางไว้ที่หน้าอก พร้อมกับการบริกรรมคาถาของเทวี ก็จะทำให้ผู้ป่วยที่กำลังมีไข้ขึ้นสูงอยู่นั้นมีไข้ลดลงได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งนังมีความเชื่อกันว่าเป็นเฮเกตคือสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ และสำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีบุตรก็สามารถใช้เครื่องรางเฮเกตนี้ได้ และใช้ร่วมกันกับเครื่องรางที่ชื่อเท็ต(Tet) ก็จะช่วยทำให้การคลอดบุตรนั้นเป็นไปอย่างปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก
มาต่อกันที่เครื่องรางที่มีชื่อว่าเท็ต(Tet) สำหรับเครื่องรางนี้เป็นเครื่องรางแห่งการผูกรัฐหรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า knot of isis หรือ Isis’s tit ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับสัญลักษณ์อังค์แบบกลับหัว และเป็นเครื่องรางที่ทำด้วยหินสีแดงเท่านั้น เพราะมีความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณว่าผูกพันโดยตรงกับคาถาอัญเชิญพระโลหิตของพระเทวีวีที่ชื่อไอซิส จะช่วยส่งเสริมและทำลายโรคร้ายต่างๆ รวมถึงช่วยจัดการระบบเลือดที่ไม่สมดุลย์ อย่างเช่นโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศในเรื่องภายในของผู้หญิง สำหรับผู้หญิงที่ต้องการตั้งครรภ์อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่า ให้ใช้คู่กันกับเครื่องรางที่ชื่อเฮเกต (heket frog) ก็จะช่วยส่งเสริมให้การคลอดบุตรนั้น เป็นไปอย่างปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่ก็ได้นำมาทำเป็นเครื่องประดับ เป็นจี้ต่างๆกันมากขึ้น
น่าจะเต็มอิ่มกันไปพอสมควร สำหรับบทความ รวมประวัติความเป็นมาของ “เครื่องราง” จากต่างประเทศทั่วโลก ! ที่พวกเราทีมงานได้รวบรวมข้อมูลนำมาฝากท่านผู้อ่านกันในครั้งนี้ ซึ่งเราหวังว่าเรื่องราวต่างๆไม่ว่าเป็น เครื่องรางฝั่งยุโรป เครื่องรางฝั่งเอเชีย เครื่องรางฝั่งแอฟริกา และอื่นๆที่เราได้นำฝากนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านที่กำลังติดตามอยู่ในขณะนี้ และเราหวังว่าคุณจะถูกใจ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องราวขอความเชื่อนั้น ขึ้นอยู่กับบุคคล
สำหรับวันนี้ก่อนจากกัน พวกเราทีมงาน ขออำนาจบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายรวมทั้งอำนาจพุทธคุณจากพระเกจิอาจารย์ปกปักษ์รักษาท่านผู้อ่านทุกท่าน ให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสร้ายในครั้งนี้ เราจะผ่านพ้นไปด้วยกัน และครั้งนี้ต้องขออนุญาตลากันไปก่อน หากผิดพลาดประการใดพวกเราทีมงานต้องขออภัย ณ ที่นี้ แล้วพบกันใหม่กับบทความในครั้งหน้า จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับพระในแบบใดมาฝากกันอีกนั้นต้องห้ามพลาด ขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านทุกท่านสำหรับการติดตามอ่านเสมอมา
ที่มา : mthai
รวมข่าวสารเกี่ยวกับพระเครื่อง เครื่องราง เหรียญ วัตถุมงคล พระ พระบูชา จัดอันดับพระเครื่อง พระเครื่องในภาคกลาง พระเครื่องในภาคอีสาน พระเครื่องในภาคตะวันออก พระเครื่องในภาคตะวันตก พระเครื่องในภาคเหนือ พระเครื่องในภาคใต้ พระเครื่องยอดนิยม ประวัติพระ