วัตถุมงคลสุดขลัง “หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต” พร้อมความเป็นมาของคำร่ำลือ ! 

พระเครื่อง

พาคุณมารู้จักกับพระเครื่องทางใต้กันบ้าง ที่หากใครถามถึงพระเครื่องของจังหวัดภูเก็ตแน่นอนว่า ชื่อของหลวงพ่อแช่มคงจะต้องปิ้งเข้ามาในหัวเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน แต่ครั้งนี้เราจะพาคุณมาทราบถึง วัตถุมงคลสุดขลัง “หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต” พร้อมความเป็นมาของคำร่ำลือ ! เพราะเราเชื่อว่าแฟนๆเว็บไซต์ที่เป็นลูกศิษย์ลูกหา และที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อแช่ม วัดฉลองจังหวัดภูเก็ตเป็นเดิมอยู่แล้วอาจจะต้องอยากทราบกันอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงจะพาคุณไปชมรายละเอียดที่น่าสนใจกันเลยดังต่อไปนี้   ประวัติหลวงพ่อแช่ม เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าวัตถุมงคลของหลวงพ่อแช่มนั้น ค่อนข้างมีความศักดิ์สิทธิ์และขลังอย่างมาก เนื่องด้วยทุกครั้งในการสร้างหลวงพ่อแช่มท่านมักจะปลุกเสกอย่างมีความตั้งใจและตั้งมั่น จากวิชาความรู้ที่ท่านได้ร่ำเรียนมา  เดิมทีหลวงพ่อแช่ม หรือ พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี ท่านได้เกิดในช่วงยุคสมัยรัชกาลที่ 3 ( พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว )เกิด ณ อำเภอทับปุด ตำบลบ่อแสน  จังหวัดพังงา เกิดเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2370 เกิดปีกุน ในวัยเด็กบิดามารดาของท่านก็ได้พาท่านไปฝากไว้กับพ่อท่านเฒ่า ณ วัดฉลอง และได้บวชเป็นสามเณร ร่ำเรียนวิชา ต่อมาเมื่ออายุได้ 20 ปี ก็ได้อุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุและได้อยู่ประจำพรรษา ณ วัดฉลอง แห่งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเรียนมีวิชาความรู้แก่กล้าและและเคร่งครัดปฏิบัติตามหลักในคำสอนของพระพุทธศาสนา   อีกทั้งท่านยังได้ศึกษาวิชาวิปัสสนาจนมีความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างแก่กล้า จนมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านนี้ และท่านคือผู้ปราบโจรอั้งยี่ที่ได้เคยพยายามจะยึดครองจังหวัดในช่วงยุคสมัยนั้น จนทำให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คน จนเลื่อมใสและเคารพศรัทธาในท่านอย่างมากมาย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่5 […]

ประวัติความเป็นมา “เหรียญหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ปี 2507” วัดป่าอุดมสมพร  จ.สกลนคร

พระเครื่อง

มากล่าวถึงพระเครื่องฝั่งอีสานเหนือกันบ้าง เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าทางภาคอีสานนั้นมีสุดยอดพระเกจิอาจารย์มากมายที่มีชื่อเสียงโด่งดังและในครั้งนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ ประวัติความเป็นมา “เหรียญหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ปี 2507” วัดป่าอุดมสมพร  จ.สกลนคร ซึ่งแน่นอนว่า หลวงปู่ฝั้นนั้นค่อนข้างเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีปราดเปรื่องและมีวิชาอาคมที่แกร่งกล้าเข้ามขลัง และท่านคือศิษย์ของหลวงปู่มั่น(ผู้เป็นแม่ทัพธรรม) รุ่นแรกๆเลยก็ว่าได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาที่ยังเคารพเลื่อมใสและศรัทธาอย่างมากมายมาจนถึงปัจจุบัน และในวันนี้เราจะมาบอกถึงประวัติความเป็นมาของเหรียญหลวงปู่ฝั้นให้คุณได้ทราบ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับสิ่งที่น่าสนใจกันได้เลยดังต่อไปนี้ ประวัติของหลวงปู่ฝั้น สำหรับหลวงปู่ฝั้นหรือพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เดิมทีท่านเป็นคนจังหวัดสกลนคร เกิดที่ตำบล พรรณา บ้านม่วงไข่ อยู่ในอำเภอ พรรณานิคมของจังหวัดสกลนครนั่นเอง เกิดวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคมปีพ.ศ. 2422 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำเดือนเก้า ปีกุน ซึ่งท่านได้เป็นบุตรของจ้าวไชยกุมาร (ชื่อเล่นเม้า) ซึ่งเป็นหลานของอดีตเจ้าเมืองพรรณนิคม ซึ่งก็คือคุณพระเสนาณรงค์(นวล) และท่านเป็นบุตรของนางนุ้ย (ซึ่งเป็นบุตรสาวของหลวงประชานุรักษ์) ซึ่งเห็นได้ชัดว่าท่านมีเชื้อสายขุนนางทั้งทั้งฝ่ายบิดาและทั้งทางฝ่ายมารดาของท่าน ซึ่งพระอาจารย์ฟันนั้นเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ยิ่ง ในวัยเด็กท่านได้บวชเป็นสามเณร ต่อมาเมื่ออายุถึงวัยที่จะบวชเป็นพระได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ณ วัดสิทธิบังคม ต.ไร่ อ.พรรณานิคม และได้ร่ำเรียนพระปริยัติทำรวมไปถึงศึกษาทางด้านวิปัสสนากรรมฐานกับเจ้าอาวาสวัดโพนทองหรือท่านอาญาครูธรรม เมื่อมีความรู้ในระดับนึงแล้วท่านก็ได้ออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆและตั้งจิตมุ่งมั่นเพื่อจะบำเพ็ญภาวนาและปฏิบัติทางด้านกรรมฐานอย่างแรงกล้า  และต่อมาในช่วงปีพ.ศ. 2463 ท่านได้พบกับพระอาจารย์มั่นภูริทัศโตหรือหลวงปู่มั่นที่เรารู้จักกันดี ในฐานะแม่ทัพธรรมที่ใครหลายคนต่างขนานนาม จากนั้นท่านก็ได้ขอปวารณาตนเพื่อเป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น และได้ศึกษาร่ำเรียนหลักธรรมต่างๆพร้อมกับปฏิบัติจริยวัตรอย่างเคร่งครัดโดยยึดหลักศาสนา […]

ประวัติความเป็นมา “หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต” แม่ทัพธรรมแห่งภาคอีสาน !

พระเครื่อง

หากเอ่ยถามถึงพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายกรรมฐานแห่งภาคอีสานแล้ว เชื่อว่าหลายคนต้องระลึกถึงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขึ้นมาเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน หลายคนอาจทราบดีว่าท่านคือใครในขณะเดียวสำหรับบางท่านก็อาจจะยังไม่ทราบ และในวันนี้เรากำลังจะมาพูดถึง ประวัติความเป็นมา “หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต” แม่ทัพธรรมแห่งภาคอีสาน !  ให้คุณและคนรุ่นใหม่ได้รู้จัก และหวังอย่างยิ่งว่าจะต้องถูกใจลูกศิษย์ลูกหารวมถีงผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่มั่นเป็นเดิมอยู่แล้วกันอย่างแน่นอน และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราจะไปเริ่มรู้จักกับประวัติของท่านกันเลยดังนี้  ประวัติหลวงปู่มั่น    ภูริทตฺโต สำหรับพระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต หรือหลวงปู่มั่นที่ใครหลายคนย่อมรู้จัก ท่านคือพระเกจิอาจารย์สายกรรมฐานเป็นพระวัดป่าที่มีความเคร่งครัดในการศึกษาพระธรรม และมีจริยาวัฒน์ประพฤติดีประพฤติชอบ และปฎิบัติตนตามแนวทางหลักศาสนาโดยยึดหลักของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เป็นพระผู้เลิศทางธุดงควัตรแห่งยุค และได้ถูกขนาดนามว่าท่านคือแม่ทัพธรรมแห่งภาคอีสาน และเป็นบิดาแห่งพระสายป่าแห่งยุคนั้นเอง และนอกจากนี้ทางยูเนสโกยังได้ประกาศยกให้หลวงปู่มั่นเป็นคนสำคัญของโลกในสายสันติภาพอีกด้วย เดิมทีนั้นหลวงปู่มั่นท่านได้เกิดที่บ้านคำบง ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลโขงเจียมของจังหวัดอุบลราชธานีในปัจจุบัน เมื่อครั้งอายุได้ 15 ปี ท่านก็ได้บวชเป็นสามเณรณวัดบ้านคำบง จากนั้นเมื่อบวชได้ระยะเวลาสองปีท่านก็ได้ลาสิกขาบทตามที่บิดาของท่านได้ขอร้องด้วยเหตุผลในการช่วยในเรื่องที่บ้าน แต่จิตของหลวงปู่มั่นก็ยังคงนึกถึงแต่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์เนื่องจากครั้งหนึ่งคุณยายของท่านได้เคยบอกไว้ว่าเจ้าจะต้องบวชให้ยาย ท่านก็หวังเกี่ยวกับเรื่องการบวชอยู่เสมอ ต่อมาเมื่ออายุได้ 22 ปีท่านก็เข้าอุปสมบท ช่วงปีพ.ศ. 2436 เป็นพระภิกษุสงฆ์ ณ วัดศรีทอง ในจังหวัดอุบลราชธานี และได้รับฉายาว่า “ภูริทัศโต” ซึ่งมีความหมายว่าผู้ให้ปัญญา เมื่อบวชได้เป็นพระดังใจปรารถนาแล้ว  ท่านก็ได้ศึกษาทางธรรมในสำนักวิปัสสนากับหลวงปู่เสาร์(พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล) ในจังหวัดอุบลราชธานีเช่นกันแต่ครั้งนี้ท่านศึกษาที่วัดเลียบ ด้วยความศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่เสาร์ท่านจึงขอถวายตัวเป็นลูกศิษย์จากนั้นก็ได้เดินทางเข้าไปยังเมืองอุบลราชธานี และได้ออกเดินธุดงค์ไปกับหลวงปู่เสาร์  […]

2 วัตถุมงคลสุดขลังจาก “หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า” ที่ใครๆก็ใฝ่หา ! 

พระเครื่อง

สำหรับท่านใดที่เคารพศรัทธาหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่าเป็นเดิมอยู่แล้วต้องไม่ควรพลาดเพราะในครั้งนี้เราได้รวบรวม 2 วัตถุมงคลสุดขลังจาก “หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า” ที่ใครๆก็ใฝ่หา ! มาฝากคุณกันไว้ที่นี่ ซึ่งในครั้งนี้เราจะมาบอกถึงประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ศุขให้ก็ได้ทราบด้วยเช่นกัน อีกทั้งจะบอกถึงวัตถุมงคลทั้งหลายที่หลวงปู่ศุขท่านได้สร้างเอาไว้ ก่อนที่จะมรณะภาพก่อนที่จะมรณภาพ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลวงปู่ศุขพิมพ์กลางปีที่เคารพศรัทธาของคนรุ่นหลังอย่างไม่เสื่อมคลายและก็ไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณมาพบกับสิ่งที่น่าสนใจดังต่อไปนี้   ประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ศุข  เกสโร หลวงปู่สุข เกสโร ที่ใครๆหลายคนรู้จัก หรือ พระครูวิมลคุณากร  ท่านได้เกิดในยุคสมัยของช่วงปลายรัชกาลที่ 3 ( สมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ) เดิมเป็นคนตำบลมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท เมื่ออายุ 22 ปี ก็ได้เข้าอุปสมบท  ที่วัดโพธิ์ทองล่าง(โพธิ์บางเขน) จากนั้นก็ได้เรียนพระธรรมวินัยที่นั่นจนแก่กล้าวิชาฝึกปฏิบัติทางด้านวิปัสสนาอย่างเคร่งครัด ซึ่งท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเชย จันทสิริ  เมื่อแก่กล้าวิชาแล้วก็ได้ออกธุดงค์ ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อฝึกฝนวิชาวิปัสสนาสายกรรมฐาน  ในระหว่างที่ท่านได้ออกธุดงค์นั้นก็ได้พบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆมากมายพระอาจารย์ผู้มีคาถาอาคมที่แกร่งกล้าและเข้มแข็งทางด้านกรรมฐาน  ซึ่งก็คือ พระสังวราเมฆ อีกทั้งหลวงปู่ศุขแข้งได้ฝึกวิชาอาคม วิชารสายนเวท กับหลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม ไปนอกจากนี้ท่านยังได้ฝึกปฏิบัติในวิชาต่างๆทางด้านอาคมอีกมากมายจนมีความเชี่ยวชาญ มีความเก่งกล้าสามารถ และได้เป็นเกจิพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งยุคสมัยนั้น   ต่อจากนั้นมาในช่วงระยะหนึ่งมารดาของท่านได้ล้มป่วย หลวงปู่ศุขจึงได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ ตำบลมะขามเฒ่า และท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดอู่ทอง แต่วัดอู่ทองแห่งนี้มีความเก่าแก่เนื่องจากได้ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงทรุดโทรมตามกาลเวลา […]

ที่มาสุดขลังของ “พระวัดพลับ พิมพ์พุงป่องใหญ่” (วัดราชสิทธาราม) บางกอกน้อย !

ที่มาสุดขลังของ “พระวัดพลับ พิมพ์พุงป่องใหญ่” (วัดราชสิทธาราม) บางกอกน้อย ! 

หากมีใครถามถึงพระดังย่านบางกอกน้อยอาจมีใครหลายคน ที่จะต้องนึกถึงพระวัดพลับเป็นอันดับต้นๆเป็นแน่  ซึ่งในครั้งนี้พวกเราทีมงานก็ได้เอาใจแฟนๆเว็บไซต์กันเช่นเคยโดยจะมาบอกเล่าถึง ที่มาสุดขลังของ “พระวัดพลับ พิมพ์พุงป่องใหญ่” (วัดราชสิทธาราม) บางกอกน้อย ! ให้คุณได้ทราบเพราะเราเชื่อว่าอาจมีเหล่าบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องหลายๆท่านที่อยากทราบถึงที่มา และประวัติที่น่าสนใจของพระวัดพลับแห่งนี้ ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปชชมรายละเอียดที่น่าสนใจพร้อมๆกันเลยดีกว่า    เป็นมาอย่างไร  เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพระที่ค่อนข้างมีเนื้อผิวอันเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะมีใครเหมือน ทั้งยังมีที่มาและเรื่องราวที่ถูกเล่าต่อกันมานานับประการ จนทำให้เหล่าบรรดาแฟนๆและเซียนพระต่างได้อยากเสาะหาเพื่อมีไว้ในครอบครอง สำหรับประวัติความเป็นมาของพระองค์นี้ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นถึง “วัดราชสิทธาราม” กันเสียก่อน ซึ่งวัดแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ที่เขตบางกอกน้อยจังหวัดกรุงเทพฯหรือที่ใครหลายคนมักจะเรียกกันว่าฝั่งธน เป็นวัดที่มีความเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานในเขตของจังหวัดกรุงเทพฯ และวัดแห่งนี้คือต้นสายปลายเหตุของที่มาในเรื่องนี้นั่นเอง จากการเล่าขานของคนเก่าแก่ที่ได้บอกเล่าต่อๆกันมาจึงได้ความว่า ครั้งหนึ่ง ณ ลานวัดพลับ แห่งนี้ซึ่งเป็นบริเวณที่พระสงฆ์สามเณรต่างๆ รวมทั้งชาวบ้านใช้ทำกิจกรรมกัน บ้างก็ใช้นั่งพักผ่อน ซึ่งบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยกระรอกและสัตว์เล็กๆอย่างนกอยู่มากมาย ในวันหนึ่งได้มีกระรอกเผือกปรากฏให้ผู้คนแถวนั้นได้เห็น เนื่องจากสีสันที่แปลกประหลาดแต่มีความความสวยงามอันเป็นที่สะดุดตาใครต่อใคร จึงทำให้ผู้คนในละแวกนั้นต่างพากันวิ่งไล่จับ กระรอกเผือกตัวนั้นได้วิ่งหนีเข้าไปในโพรงพระเจดีย์ เมื่อผู้คนไล่ตามจับกระรอกเผือกตัวนั้นก็ปรากฏว่าได้พบกับ วัตถุมงคลต่างๆรวมทั้งพระพิมพ์หลายองค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี “พระพิมพ์พุงป่องใหญ่” รวมอยู่ด้วย ที่กำลังไหลออกมาจากโพรงของข้างในพระเจดีย์ ปริมาณที่มันไหลออกมานั้นค่อนข้างมาก  ถึงขั้นที่ชาวบ้านพากันนำกระบุงตะกร้ามาลองใส่ เนื่องจากมันมีมากจริงๆ จึงเรียกได้ว่าเป็นการแตกกรุครั้งยิ่งใหญ่และเป็นครั้งแรกของยุคนั้น  และด้วยเหตุที่เจ้าตัวกระรอกน้อยเผือกตัวนั้นได้นำพาให้กลับทุกคนได้ไปพบกับ  ‘พระวัดพลับ’ องค์นี้ ทั้งยังสุดยอดวัตถุมงคลอีกมากมาย จึงทำให้กรุแห่งนี้ได้มีผู้เรียกกันต่อๆมาว่า  ‘กรุกระรอกเผือก’ และหลังจากที่ได้มีการแตกกรุในครั้งนั้นเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ก็ได้ทำพิธีเปิดกรุพระเจดีย์ เมื่อทำการเปิดกรุเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้พบกับพระวัดพลับอีกมากมาย และไฮไลท์ในครั้งนั้นคือมีองค์  ‘พระสมเด็จอรหัง’ อยู่ในการแตกกรุครั้งนั้นด้วยเช่นกัน […]

ความเป็นมาของพระเครื่ององค์สำคัญ แห่งเมืองศรีสัชนาลัย  “พระร่วงหลังลิ่ม วัดช้างล้อม”  ! 

ความเป็นมาของพระเครื่ององค์สำคัญ แห่งเมืองศรีสัชนาลัย  “พระร่วงหลังลิ่ม วัดช้างล้อม”  ! 

หากได้ยินชื่อวัดช้างล้อม เซียนพระหลายคนคงจะนึกถึงเมืองศรีสัชนาลัยขึ้นมาทันที และหากมีใครกำลังสนทนาในเรื่องของพระเครื่องอยู่แล้วล่ะก็ พระร่วงหลังลิ่มนั้นย่อมจะอยู่ในบทสนทนาของพวกเขาอย่างแน่นอน ในครั้งนี้พวกเราทีมงานจะมาบอกถึง ความเป็นมาของพระเครื่ององค์สำคัญ แห่งเมืองศรีสัชนาลัย  “พระร่วงหลังลิ่ม วัดช้างล้อม” ! ซึ่งเป็นพระเครื่องที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุโขทัยมาอย่างยาวนาน อีกทั้งในปัจจุบันยังค่อนข้างหาชมได้ยากโดยเฉพาะองค์แท้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราทีมงานได้รวบรวมเนื้อหาสาระที่น่าสนใจของพระเครื่ององค์นี้มาฝากท่านผู้อ่าน ที่รักและชื่นชอบพระเครื่องกันเป็นเดิมอยู่แล้ว พร้อมทั้งจะมาบอกถึงเรื่องราวของเนื้อมวลสารและกรรมวิธีการสร้างพระเครื่ององค์นี้ ทราบเพื่อนำไปเป็นประโยชน์ต่อการดูพระของคุณ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับสิ่งที่น่าสนใจของพระเครื่องเลื่องชื่อ ที่มีชื่อนามว่าพระร่วงหลังลิ่มกันเลยดีกว่า  ความเป็นมา  ก่อนอื่นเราจะต้องขอกล่าวถึงวัดช้างล้อมกันเสียก่อนเนื่องจากเป็นที่มาที่สำคัญในการขุดพบพระร่วงหลังลิ่มณที่นี้  วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย อำเภอศรีสัชนาลัย เมืองเก่าที่มีพระดังมากมายและเป็นเมืองที่เรียกได้ว่าเหล่าบรรดาเซียนพระค่อนข้างอยากไปเยี่ยมเยือนกันอยู่ไม่น้อย เพราะเรียกได้ว่าเป็นแหล่งที่มีพระเครื่องโบราณมากมายจริงๆ ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของพวกเราชาวไทยอีกมากมายด้วยเช่นเดียวกัน ในอำเภอศรีสัชนาลัยนี้มีโบราณสถาน ที่ค่อนข้างดึงดูดความสนใจให้เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวต่างอยากได้มาสัมผัสถึงบรรยากาศของความคลาสสิค ณ เมืองแห่งนี้ นอกจากนี้ในจังหวัดสุโขทัยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมาย ให้คุณได้ค้นหาและที่สำคัญคือแต่ละแห่งนั้นล้วนรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงามจริงๆ  สำหรับพระร่วงหลังลิ่ม กรุวัดช้างล้อม นั้น ถือเป็นพระเครื่องเก่าแก่ของวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย ได้ถูกค้นพบเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2480  ได้ปรากฏขึ้นจากเหตุการณ์แตกกรุครั้งแรกในช่วงนั้น ซึ่งการค้นพบนั้นได้มีพระเครื่องหลากหลายพิมพ์ปรากฏอยู่ในพระเจดีย์เก่าที่เป็นทรงลังกา  ซึ่งพระเจดีย์ทรงลังกานี้มีความเก่าแก่เนื่องจาก ได้ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างวัดในครานั้น ซึ่งเป็นยุคที่มีพ่อขุนรามคำแหงเป็นพระมหากษัตริย์ จึงเป็นเหตุให้ผู้คนได้มีการสันนิษฐานว่าผู้ที่สร้างพระร่วงนั่งหลังลิ่มองค์นี้ อาจจะเป็นพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เนื่องจากพระต่างๆที่ได้รับจากการแตกกรุนั้นได้ถูกบรรจุอยู่ในพระเจดีย์เก่าแก่และอาจอยู่มาเป็นเวลานานแล้ว    ต่อมาหลังจากนั้นในช่วงปี พ.ศ 2495 ก็ได้มีการพบกับพระเครื่องที่มีลักษณะคล้ายกันในกรุเดียวกัน และถัดมาคือในช่วงยุคพศ 2500 ณ บ้านแก่งสาระจิต […]

ประวัติความเป็นมา “ พระปิดตา หลวงปู่แย้ม วัดด่านสำโรง ” สุดยอดความขลัง ที่ใครๆก็ปรารถนา !

ประวัติความเป็นมา “ พระปิดตา หลวงปู่แย้ม วัดด่านสำโรง ” สุดยอดความขลัง ที่ใครๆก็ปรารถนา ! 

หากมีใครทำถึงเครื่องรางของขลังและพระเครื่องของหลวงปู่แย้ม หลายคนคงจะต้องนึกถึงพระตามาเป็นสิ่งอื่นอีกอย่างแน่นอน และในครั้งนี้แน่นอนว่าเราจะมาพูดถึง ประวัติความเป็นมา “ พระปิดตา หลวงปู่แย้ม วัดด่านสำโรง ” สุดยอดความขลัง ที่ใครๆก็ปรารถนา ! ซึ่งจะมาบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจที่เชื่อว่าใครหลายคนต้องอยากรู้ พร้อมทั้งจะมาบอกถึงพุทธลักษณะของพระเครื่องนี้ให้คุณได้ทราบด้วยเช่นกัน และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณไปพบกับรายละเอียดของเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระเครื่องของหลวงปู่แย้มกันดังต่อไปนี้  ก่อนอื่นต้องขออนุญาตย้อนไปถึงสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหรือรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลวงปู่แย้มท่านยังคงมีชีวิตอยู่ หลวงปู่แย้มนั้นท่านเป็นพระเกจิผู้เรืองวิชาทางด้านวิทยาคมเป็นพระผู้มีอภิญญา และเป็นที่ความเลื่อมใสศรัทธาของเหล่าบรรดาญาติโยมในจังหวัดสมุทรปราการ และชาวไทยทั่วประเทศทั้งยังมีลูกศิษย์ลูกค้าอย่างมากมาย และถึงแม้ว่าในปัจจุบันท่านได้ล่วงลับไปนานปีแล้วก็ยังตราตรึงอยู่ในใจชาวไทย มิเสื่อมคลาย  หลวงปู่แย้มท่านเกิดในช่วงปีพ.ศ 2387 และได้เข้ารับการศึกษาทางด้านอักขระตั้งแต่ยังคงเป็นสามเณร ต่อมาเมื่อท่านอายุครบบวชท่านก็ได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ที่วัดด่านสำโรง และตอบมาก็ได้เข้าศึกษาต่อทางธรรมที่วัดโพธิ์ ท่าเตียน จังหวัดกรุงเทพฯ  หรือเข้าใจกันง่ายๆว่าวัดโพธิ์ที่ใกล้ๆกับวัดพระแก้วนั่นเอง  หลวงปู่แย้มได้มีความมุมานะและตั้งใจศึกษาทางธรรม โดยท่านได้ปฏิบัติวิปัสสนาอย่างเคร่งครัด จวบจนเมื่อถึงเวลาที่วิชาความรู้อันตั้งใจเล่าเรียนมาแตกฉาน หลวงปู่แย้มท่านก็ได้ออกเดินธุดงค์ ไปตามป่า และสถานที่ต่างๆ เพื่อฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งท่านก็ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิด ซึ่งก็คือ วัดด่านสำโรงนั่นเอง  และเมื่อท่านได้กลับมายังวัดบ้านเกิด ท่านก็ยังคงยึดมั่นในธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด พร้อมกับสร้างผลงาน สร้างพระเครื่องไวอย่างมากมาย และชื่อเสียงค่อนข้างเลื่องลือไปไกลจนประจักษ์แก่ผู้คนชาวไทยทั่วประเทศ ถึงแม้กระนั้นท่านก็ยังคงปฏิเสธยศฐาบรรดาศักดิ์ และยังคงมุ่งเน้นปกครองและดูแลวัดต่อไป ท่านคือพระนักพพัฒนา ที่ได้พลิกฟื้นวัดเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยาอย่างวัดด่านสำโรงนี้ให้กลายเป็นปึกแผ่นมายังปัจจุบัน พร้อมๆกับความร่วมแรงร่วมใจ ของเราชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสในท่าน  เมื่อท่านได้มีสิริอายุครบ 94 […]

ประวัติความเป็นมา “พระสมเด็จ แหวกม่าน หลวงพ่อกวย” วัดโฆสิตาราม ! 

ประวัติความเป็นมา “พระสมเด็จ แหวกม่าน หลวงพ่อกวย” วัดโฆสิตาราม ! 

เมื่อมีใครเอ่ยถามถึงของดีเมืองชัยนาท เชื่อว่าใครหลายคนอาจจะต้องนึกถึงของขลังและพระเครื่องของหลวงพ่อกวยเป็นอันดับต้นๆแน่นอน วันนี้เราจะมาพูดถึง ประวัติความเป็นมา “พระสมเด็จ แหวกม่าน หลวงพ่อกวย” วัดโฆสิตาราม ! ซึ่งจะมาบอกเล่าถึงความเป็นมาสุดขลังของการสร้างพระองค์นี้ให้คุณได้ทราบ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ได้กลายเป็นพระเครื่องที่หายากกันไปเสียแล้วในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่น่าสนใจในวันนี้เราเชื่อว่าลูกศิษย์หลวงหาที่ศรัทธาหลวงพ่อกวยจะต้องชื่นชอบและอยากทราบกันอย่างแน่นอน และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปชมรายละเอียดของประวัติที่น่าสนใจกันเลยดีกว่า  เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพระเครื่องที่ค่อนข้างหายากมากในปัจจุบัน สำหรับพระสมเด็จแหวกม่านของ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หรือวัดบางแคในจังหวัดชัยนาท ถึงแม้ว่าจะมีอายุเก่าแก่และได้ผ่านการสร้างมาอย่างยาวนานแล้วก็ยังคงเป็นวัตถุมงคลที่ทรงคุณค่าแก่จิตใจของเหล่าบรรดาลูกศิษย์ลูกค้าของท่านอย่างเสมอมาและในปัจจุบันก็ยังคงมีผู้คนถามถึงกันเป็นอย่างมาก  หากจะถามถึงอายุอานามของพระเครื่องรุ่นนี้เห็นทีคงจะมีอายุประมาณไม่ต่ำกว่า 50 ปี เนื่องจากได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อช่วงประมาณปี 2500  เป็นที่ทราบกันดีสำหรับเราบรรดาคนที่ชื่นชอบพระเครื่องกันอยู่แล้วว่าหลวงพ่อกวยนั้นท่านมักสร้างวัตถุมงคลด้วย มวลสารที่ได้มาจากธรรมชาติในป่าลึก และเป็นการบรรจงสร้างอย่างพิถีพิถัน  สำหรับการสร้างพระเครื่ององค์นี้หลวงพ่อกวยได้สร้างมาจากตำราการสร้างตามแบบฉบับของสมเด็จโต และได้มีการนำมาประยุกต์ใช้กับวิชาความรู้ที่ท่านได้เราเรียนมาทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าวิชาที่มีความเป็นอัตลักษณ์ในการสร้างพระเครื่องของท่านก็คือ การใช้สูตรพิเศษที่ได้มีการนำผงวิเศษมาเป็นส่วนประกอบในการสร้างพระ อีกทั้งยังได้นำเศษพลอยที่มีความละเอียดสูงรวมถึงและธาตุและเกสรดอกไม้มารวมไว้ในพระเครื่องนี้ด้วยเช่นกัน และสำหรับการสร้างพระชุดนี้ไม่ได้มีเพียงสีเดียวเท่านั้นเนื่องจากมีหลายสีอันได้แก่  เนื้อพระที่มีสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเป็นเนื้อพระที่ได้มีการผสมกับเกสรของดอกไม้จึงออกมาเป็นสีคล้ายกับสีดอกพิกุล, เนื้อที่ค่อนข้างดำเนื่องจากได้มีการผสมกับใบลานแต่เนื้อสีนี้ค่อนข้างหายากและมีน้อย, เนื้อสีขาวหม่นอมเทาจะเป็นเนื้อผงล้วน , และบางองค์จะมีเนื้อที่ค่อนข้างละเอียด แต่ก็ยังพอที่จะสามารถมองเห็นได้ถึงพลอยและแร่ที่เป็นเม็ดเล็กๆได้ ซึ่งแต่ละองค์อาจมีความแตกต่างและมีความงดงามในรูปแบบเดียวกัน  พิธีกรรมก่อนการสร้างพระในป่าลึก  เริ่มด้วยการเลือกใช้วัสดุและมวลสารที่นำมาใช้ในการสร้างพระ คือท่านจะเดินทางเข้าไปยังป่าลึกพร้อมกับลูกศิษย์ที่เป็นพรานป่าผู้มีวิชาป่าและมีอาคมแกร่งกล้า เมื่อเข้าไปยังป่าลึกแล้วท่าจะทำการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อทำพิธีบวงสรวงป่าและสร้างพระ  ตามด้วยการอัญเชิญครูบาอาจารย์และทำพิธีตามตำราการที่ท่านได้เล่าเรียนมา  เมื่อบวงสรวงป่าเรียบร้อยแล้วท่านจะให้ลูกศิษย์ที่เป็นพรานป่าทำการโยนผ้าขึ้นฟ้า ซึ่งผ้าที่ใช้โยนขึ้นฟ้านั้นจะเป็นผ้าขาวที่หลวงพ่อกวยปลุกเสกด้วยคาถาอาคม และการที่ให้ลูกศิษย์โยนขึ้นฟ้านี้เพื่อเป็นการกำหนดจุดในการสร้างหอสำหรับทำพิธีสร้างพระนั่นเอง ยิ่งโยนผ้าสูงเท่าไหร่ ท่านก็จะทำหลักไม้ไผ่ตามความสูงของผ้าที่โยนขึ้นไปเท่านั้น และกำหนดความสูงของหอสร้างพระตามหลักไม้ไผ่ที่ท่านได้ทำไว้ ตามด้วยการสร้างห้างบนต้นไม้สำหรับทำหอพิธี  […]

ที่มาพระเครื่องเลื่องชื่อ พุทธคุณสูง “หลวงพ่อปาน พิมพ์ ทรงไก่หางพวง” วัดบางโคนม ! 

ที่มาพระเครื่องเลื่องชื่อ พุทธคุณสูง “หลวงพ่อปาน พิมพ์ ทรงไก่หางพวง” วัดบางโคนม ! 

  เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ ของหลวงพ่อปานวัดบางนมโคนั้น ค่อนข้างมีความโดดเด่นในเรื่องของพุทธคุณอันเป็นเลิศ ทั้งนี้เนื่องด้วยมีการนำส่วนประกอบของ ผงวิเศษ 3 สูตร มาใช้ในการสร้างพระซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะมีใครเหมือน ในครั้งนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับ ที่มาพระเครื่องเลื่องชื่อ พุทธคุณสูง “หลวงพ่อปาน พิมพ์ ทรงไก่หางพวง วัดบางโคนม”  ! กันค่ะ และถึงแม้ว่าหลวงพ่อปานท่านได้ละสังขารไปนานหลายปีแล้ว แต่ยังคงมีลูกศิษย์ลูกหาเลื่อมใสศรัทธาและระลึกถึงไม่เสื่อมคลาย และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปชมรายละเอียดที่น่าสนใจกันเลยดีกว่า !         หลวงพ่อปานวัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรอุยธยาได้เริ่มปลุกเสกพระเครื่องขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พุทธศักราช 2450 มีด้วยกันหลายพิมพ์ วงการพระเรียกกันว่าพิมพ์โบราณ ต่อมาในปี พุทธศักราช 2460 ได้สร้างพระเครื่องขึ้นมาอีกครั้ง รวม6 ชนิด ซึ่งได้แก่ พิมพ์ทรงนก พิมพ์ทรงไก่  พิมพ์ทรงปลา พิมพ์ทรงเม่น , พิมพ์ทรงครุฑ และพิมพ์ทรงหนุมาน ในแต่ละพิมพ์ก็จะมีพิมพ์ย่อยลงมาอีกมากมาย ตัวอย่างเช่นพิมพ์ทรงไก่ ก็จะมีพิมพ์ทรงไก่หางพวง ได้รับความนิยมสูงสุด รองลงมาคือ พิมพ์ไก่หางรวม,พิมพ์ไก่หางสามเส้น พิมพ์ไก่หางสี่เส้นบัวสองชั้น พิมพ์ไก่หางสี่เส้นบัวชั้นเดียว พิมพ์ไก่หางห้าเส้น และพิมพ์ไก่ยันต์แถวเดียว เป็นต้น  พุทธลักษณะ     พุทธลักษณะด้านหน้าของ พระเครื่องหลวงพ่อปาน […]

ความเป็นมาของ “พระร่วงนั่ง กรุม่วงค่อม” พระกรุอันทรงคุณค่าเมืองลพบุรี ที่ใครๆก็ตามหา !

ความเป็นมาของ “พระร่วงนั่ง กรุม่วงค่อม” พระกรุอันทรงคุณค่าเมืองลพบุรี ที่ใครๆก็ตามหา !

หากจะถามพระกรุเก่าแก่แห่งลพบุรีนักนิยมสะสมพระเครื่องหลายๆท่านอาจจะต้องนึกถึง พระร่วงกรุม่วงค่อม เป็นอันดีบต้นๆอย่างแน่นอน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ในครั้งนี้เราได้หยิบ ความเป็นมาของ “พระร่วงนั่ง กรุม่วงค่อม” พระกรุอันทรงคุณค่าเมืองลพบุรี ที่ใครๆก็ตามหา ! มาฝากคุณกันในครั้งนี้ พร้อมทั้งจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ หากิยากทราบกันแล้วว่า เนื้อหาสาระจะเป็นอย่างนั้นเรามาทำความรู้จักไปพร้อมๆกันได้เลยดังนี้  Credit : komchadluek.com   และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระกรุนั้น ถือเป็นพระเครื่องล้ำค่าที่หายาก และไม่ว่าจะถูกค้นพบจากกรุไหนก็ตามล้วนแล้วแต่มีคุณค่าให้เหล่าบรรดาผู้นิยมสะสมพระเครื่องต่างอยากได้มาบูชาครอบครอง สำหรับพระเครื่องอย่างพระร่วง ที่ใครหลายคนมักจะพูดถึงกันอยู่บ่อยๆนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะหมายถึงพระที่มีต้นกำเนิดมาจากในยุคคาบเกี่ยวกับขอม ซึ่งก็คือประมาณช่วงยุคสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กับ ยุคสุโขทัย และเหล่าพศนิการในยุคนั้นจะเรียกกษัตริย์ผู้ครองสุโขทัยว่า ราชวงศ์พระร่วง และสำหรับ ลพบุรี หรือ ละโว้ ที่เราเคยได้ยินกันนั้น เมื่อครั้งในอดีตช่วงระยเวลาหนึ่งได้เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของขอม จึงทำให้ศิลปะในยุคสมัยนั้นได้มีการแพร่กระจายไปทั่วไม่ใช่มีเพียงพระเครื่องเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสถาปัตยกรรมและประติมากรรมด้วยเช่นกัน ซึ่งมีความงดงามละเมียดละไมและมีความเป็นเอกลักษณ์แบบเฉพาะ  เราจึงสังเกตุได้ว่าพระกรุแห่งลพบุรีนั้นมีความงดงามและปราณีต และค่อนข้างเป็นที่ต้องการมากของเหล่าบรรดานักสะสม เพราะไม่ใช่มีเพียงรูปลักษณ์ที่งดงามเท่านั้น แต่มีความเก่าแก่และค่อนข้างโด่งดังในเรื่องของพุทธคุณอย่างมาก ซึ่งค่อนข้างเป็นที่ร่ำลือกันว่ามีพุทธคุณสูงมากทั้งในด้านคงกระพันชาตรี ,แคล้วคลาดปลอดภัยและมหาอุด ในปัจจุบันน้อยคนนักจะมีไว้ในครอบครอง  สำหรับความเป็นมา พระร่วงนั่ง กรุม่วงค่อม นี้ ต้องขออนุญาตย้อนไปในช่วงปี พ.ศ.2516 ซึ่งได้มีการแตกกรุในช่วงปีนั้น โดยมีชาวบ้านผู้หนึ่งฝันว่า มีคนบอกให้เขาไปขุดหาพระบริเวณโคก […]