หากจะเอ่ยถึงพระเครื่องล้ำค่า ที่ชาวไทยค่อนข้างหวงแหนในยุคสมัยรัชกาลที่ 9 แล้ว ใครหลายคนอาจจะนึกถึงพระกำลังแผ่นดินหรือพระสมเด็จจิตรลดากันอย่างแน่นอน ไม่ได้ครั้งนี้เราจะมาบอกเล่าถึง ความเป็นมาพระกำลังแผ่นดิน (พระสมเด็จจิตรลดา ปี พ.ศ.2509) พระเครื่องทรงคุณค่าแห่งยุค ! ให้คุณได้ทราบและเชื่อว่าที่มาสุดคลาสสิคนี้จะต้องตรึงตราตรึงใจใครคนกันอย่างแน่นอน และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณมารู้จักกับรายละเอียดของประวัติที่มาดังต่อไปนี้กันเลย
ความเป็นมาของ “ พระสมเด็จจิตรลดา ปีพ.ศ.2509”
เหตุผลที่เป็นพระทรงคุณค่าของประชาชนชาวไทยเนื่องจากเป็นพระที่ถูกสร้างขึ้น จากฝีพระหัตถ์ของ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชหรือรัชกาลที่ 9 ของเรานั่นเอง ซึ่งการสร้างพระในขณะนั้นถือเป็นครั้งแรกของพระองค์ พระองค์ทรงตรวจพุทธลักษณะขององค์พระด้วยพระองค์เอง ต่อมาในช่วงปีพ.ศ 2508 เมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วงทุกประการตามพระประสงค์แล้ว จึงทรงโปรดให้เทหล่อขึ้นเป็นพระพุทธรูปจากนั้นได้มีพระประสงค์ให้ส่งมอบไปตามจังหวัดต่างๆ ในช่วงปี พ.ศ. 2509 ต่อมาในช่วงปี พ.ศ 2510-2013 ก็ได้มีการสร้างพระขึ้นมาเพิ่มเติม
เนื่องจากในช่วงเวลานั้นได้มีสถานการณ์สงครามเย็นเกิดขึ้น ระหว่างการคอมมิวนิสต์ที่มีผู้นำเป็นสหภาพโซเวียต กับค่ายทุนนิยมเสรีโดยมีประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ซึ่งในขณะนั้นได้มีการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ไปอย่างมากมายในประเทศไทย ประกอบไปด้วยความรุนแรงทั้งหลาย มีการรบราฆ่าฟันกันเกิดขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณชนบท ตามยุทธศาสตร์ของป่าล้อมเมือง
และเมื่อนายทหาร ตำรวจต่างๆ รวมถึงผู้ที่ได้รับพระราชทานสมเด็จจิตรลดาปีแล้วก็มักจะบูชาขึ้นคอ แต่ก่อนที่จะบูชาขึ้นคอนั้นจะต้องปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดเฉพาะด้านหลังขององค์พระเท่านั้น และความหมายของการปิดทองทั้งด้านหลังพระนั้นก็มีนัยยะสำคัญที่หมายถึง การทำความดีนั้นไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้ การทำความดีไม่จำเป็นต้องโอ้อวดใครเหมือนกับสุภาษิตคําพังเพยที่ว่า “ ปิดทองหลังพระ” นั่นเอง
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เรียกพระเครื่องนี้ว่า “พระกำลังแผ่นดิน” เนื่องจากคำว่าภูมินั้นมีความหมายที่แปลว่าแผ่นดิน และคำว่าพลนั้นมีความหมายที่แปลว่ากำลัง เมื่อรวมกันแล้วก็จะมีความหมายว่ากำลังของแผ่นดิน ซึ่งมีที่มาจากความหมายของพระนามของรัชกาลที่ 9 จึงได้มีการเรียกกันว่า “พระกำลังแผ่นดิน” อย่างเสมอมา และพระเครื่องนี้ยังคงเป็นวัตถุมงคลที่ชาวไทยหวงแหนที่ใครๆก็อยากมีไว้บูชาครอบครองกันอยู่อย่างเสมอมา ในปัจจุบันก็ได้กลายเป็นพระเครื่องที่หายากไปเสียแล้วเงินจากจำนวนในการสร้างนั้นไม่ได้มีมากนัก
สำหรับผู้ที่ได้รับพระราชทานพระเครื่อง “สมเด็จพระจิตรลดา” นี้ ผู้ที่ได้รับจะได้รับจากพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 9 โดยตรงพร้อมกับใบประกาศนียบัตรซึ่งเป็นเอกสารกำกับองค์พระนั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่จะได้รับคู่กัน
พุทธลักษณะของ พระสมเด็จจิตรลดา
จะมีความคล้ายคลึงกับ “พระพุทธนวราชบพิตร” มากสำหรับพุทธลักษณะของพระสมเด็จจิตรลดา ทางด้านหน้าขององค์พระนั้นจะเป็นทรงสามเหลี่ยมแบบหน้าจั่ว มีถึง 2 พิมพ์ ซึ่งมีทั้งพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ ซึ่งพิมพ์เล็กนั้นจะมีขนาดประมาณ 1.2 X 1.9 ซ.ม. สำหรับวงเล็กและมีจำนวนพิมพ์ไม่เกิน 30 องค์ และพิมพ์ใหญ่นั้นจะมีขนาดประมาณ 2 X 3 ซ.ม. ได้มีการสร้างประมาณจำนวนไม่เกิน 3,000 องค์ มีความคมชัดทั้ง 3 ด้านของขอบองค์พระ เป็นองค์พระประธานแสดงความสมาธิขัดราบที่อยู่ในลักษณะประทับนั่ง ซึ่งประทับนั่งอยู่บริเวณเหนือของดอกบัวบานที่มี 9 กลีบ และในส่วนของกลีบบัวด้านล่างจะมีอยู่ 4 กลีบ และเราจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
เนื่องจากเป็นการสร้างพระที่มีความคมชัดมากจึงทำให้เราสามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆได้ชัด พร้อมทั้งกรรมวิธีในการสร้างค่อนข้างทันสมัย ในส่วนของหัวไหล่ด้านซ้ายนั้นจะสังเกตได้ว่ายกสูงกว่าหัวไหล่ทางด้านขวา เม็ดบัวในแต่ละเม็ดนั้นจะมีความไม่เท่ากันซึ่งบางเม็ดจะฝ่อและบางเม็ดจะดูสมบูรณ์ ในส่วนของด้านข้างนั้นเราจะมองเห็นได้ว่าเป็นลักษณะของการเจียที่บริเวณส่วนล่างจึงมองเผินๆอาจคล้ายกับว่ามี 2 ชั้น และในส่วนของเนื้อด้านหลังนั้นจะมีรอยพรุนคล้ายฟองอากาศเป็นลักษณะรูเล็กๆ
จะมีพุทธศิลปะในแบบรัตนโกสินทร์ องค์พระประธานที่ประทับนั่งนั้น จะมีพระพักตร์เป็นลักษณะคล้ายกับผลของมะตูม และในส่วนของบริเวณพระบาทซ้ายนั้นจะถูกทับด้วยพระบาทขวา ส่วนสีของเนื้อพระนั้นจะมีหลากหลายแตกต่างกันออกไปซึ่งได้แก่ สีน้ำตาลอมแดงซึ่งคล้ายกับเทียน , สีน้ำตาลอมเหลือง ,สีดำอมเขียว และ สีดำอมแดง และหากเป็นไปในโทนสีดำอมเขียวนั้นก็จะมีให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีให้เห็นทั้งแบบสีอ่อนและแบบสีเข้ม เนื่องจากมวลสารที่นำมาใช้ในการสร้างพระนั้นมีหลากหลายและแตกต่างกันออกไป
มีจุดพิจารณาหลากหลายซึ่งได้แก่ เราจะสามารถมองเห็นพระเกียรติได้อย่างเด่นชัด จากนั้นให้สังเกตบริเวณพักจะมีลักษณะคล้ายกับผลของมะตูม ตามด้วยการให้สังเกตที่บริเวณพระกันที่มีเส้นคมอย่างชัดเจนทั้งสองข้าง และจะมีความโค้งเล็กน้อยอย่างอ่อนช้อย แต่ในของช่วงปีพ.ศ 2508 กับ 2509 นั้นจะไม่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดมากนัก
ต่อมาเราสามารถสังเกตได้จากพระนาสิกที่ได้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน แต่สำหรับของในช่วงปี 2508 กับ 2509 นั้นเส้นจะไม่ค่อยติดให้เห็นอย่างชัดเจนมากนักเช่นกัน เมื่อสังเกตจุดดังกล่าวนครบแล้วต่อมาให้เราสังเกตที่บริเวณกลีบของดอกบัวบานนั้นจะมีความอ่อนช้อยและได้สัดส่วนมากอีกทั้งยังมีฟองอากาศที่เป็นลักษณะรูเล็กๆปรากฏระยิบระยับให้เราเห็นได้นิดหน่อย รวมถึงบริเวณเกสรเหลือกลีบดอกบัวบานนั้นที่จะมองเห็นได้ว่ามีฟองอากาศที่เป็นรูเล็กๆเช่นกัน แต่ของช่วงปีพศ 2508 ถึง 2509 นั้นจะไม่ค่อยปรากฏเด่นชัดให้เห็นมากนัก และไม่ติดเรียงกันเป็นแถวยังไงก็ตามเราสามารถสังเกตจากจุดเด่นดังกล่าวนี้ทั้งหมดได้เลย
มวลสารที่ใช้ผลิตในแต่ละครั้งแตกต่างกัน ได้แก่ สีน้ำตาล สีน้ำตาล-อมเหลือง สีน้ำตาล-อมแดงคล้ายเทียน สีดำอมแดง หรือ สีดำอมเขียว มีทั้งสีเข้มและอ่อน
พระสมเด็จจิตรลดา มีลักษณะละม้ายคล้ายกับพระพุทธนวราชบพิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชทานประจำทุกจังหวัดและหน่วยทหาร แต่ต่างกันที่ พระพุทธนวราชบพิตร เป็นพระปางมารวิชัย
เนื้อมวลสารขององค์พระสมเด็จจิตรลดา
สำหรับมวลสารขององค์พระจิตรลดานี้ จะประกอบไปด้วยผงมหามงคล อันได้แก่ ผงมหามงคล 108 และสิ่งมงคลในส่วนพระองค์ รวมไปถึงดอกไม้แห้งต่างๆ จากพวงมาลัยที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่าน ทรงได้รับมาจากพสกนิกรที่ได้นำมาทูลเกล้าฯถวาย เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงได้พระราชดำเนินเปลี่ยนเครื่องพระพุทธปฏิมากรของพระแก้วมรกต
อีกทั้งพระองค์ยังได้นำเส้นพระเกศา รวมถึงสีจากผ้าใบที่พระองค์ทรงเขียนภาพด้วยฝีมือพระหัตถ์ พร้อมกับสีที่พระองค์ทรงขูดมาจากเรือใบพระที่นั่ง , วัตถุมงคลจากชมพูทวีปหลายสถานที่ และดินจากสังเวชนียสถานของทั้ง 4 สถานที่ในประเทศศรีลังกาและประเทศอินเดีย พร้อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆของประเทศไทยในแต่ละจังหวัด, น้ำศักดิ์สิทธิ์จากสถานอันศักดิ์สิทธิ์ต่างๆในประเทศไทย ที่ก่อนหน้านี้ได้เคยนำมาใช้เป็นน้ำมงคลสำหรับสรงมุรธาภิเษก ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งพระองค์ได้รวบรวมสิ่งเหล่านี้มาไว้แล้วนำมาใช้ทำเป็นเนื้อมวลสาร
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเรื่องราวของ ความเป็นมาพระกำลังแผ่นดิน (พระสมเด็จจิตรลดา ปี พ.ศ.2509) พระเครื่องทรงคุณค่าแห่งยุค ! ที่ ได้นำมาฝากกันไปเมื่อสักครู่นี้ พอจะทำให้คนได้ทราบถึงที่มาที่น่าสนใจกันไปแล้วใช่ไหมคะ อย่างไรก็ตามพวกเราทีมงานหวังอย่างยิ่งว่าคุณจะชื่นชอบและถูกใจกันนะคะแล้วกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไป สำหรับวันนี้ต้องขออนุญาตลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ไฮโลไทย