สำหรับหลวงพ่อรวย ปาสาทิโก นั้นท่านได้มรณภาพลงในช่วงปี 2560 ที่หากนับเวลาก็ไม่นานมานี้ และเรายังเชื่อว่าถึงแม้ว่าท่านจะมรณะภาพไปแล้ว แต่ยังคงมีลูกศิษย์ลูกหาที่ยังคงเคารพศรัทธาท่านและระลึกถึงอย่างมีเสื่อ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้วันนี้เราจะพาคุณมาทราบถึง ประวัติความเป็นมาของ พระเกจิชื่อดัง แห่งวัดตะโก เมืองกรุงเก่า “หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก” ! ที่จะมาบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาแบบคร่าวๆของท่านให้คุณได้ทราบกัน ณ ที่นี้ และหากคุณเป็นหนึ่งคนที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อรวยและต้องการทราบถึงประวัติความเป็นมาของท่านต้องอย่ารอช้าค่ะเราไปพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจพร้อมๆกันได้เลยดังต่อไปนี้
ประวัติความเป็นมาของ พ่อรวย ปาสาทิโก แห่งวัดตะโก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำหรับท่านเจ้าคุณ พระมงคลสิทธาจารย์หรือที่เรามักจะรู้จักกันในนาม หลวงพ่อรวยนั้น อันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ท่านเป็นพระนักปฏิบัติผู้มีจริยวัตรอันงดงามมีความเมตตาธรรมสูงและถึงแม้ว่าท่านจะได้เสียชีวิตมรณภาพลงไปแล้วแต่ยังคงมีลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมที่เคารพศรัทธาท่านระลึกถึงท่านอยู่เสมออย่างไม่เสื่อมคลาย
หลวงพ่อรวยท่านเกิดในช่วงปีพ.ศ 2464 วันที่ 9 เดือนธันวาคม เดิมทีท่านเป็นชาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเกิดที่บ้านตะโก จึงตั้งอยู่ในตำบลดอนหญ้านางของอำเภอภาชีที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นลูกชายของคุณพ่อมีและคุณแม่สินลา มีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมด 8 คน บรรพบุรุษทางคุณพ่อของหลวงพ่อรวยนั้นเดิมทีท่านเป็นชาวกรุงศรีสัตตนาคนหุต ซึ่งเป็นอาณาจักรล้านช้างแต่เดิม เมื่อท่านอายุได้ประมาณ 12 ปี ท่านก็ได้มีโอกาสไปเรียนอยู่ที่วัดตะโก ซึ่งในสมัยโบราณการที่จะได้ศึกษาเล่าเรียนก็ย่อมเกิดขึ้นที่วัด จึงทำให้เด็กๆส่วนใหญ่มักจะบวชเป็นสามเณรเพื่อศึกษาเล่าเรียน หรือหากใครจะไม่บวชเป็นสามเณรก็สามารถไปเรียนได้เช่นกัน ซึ่งวัดตะโกตั้งอยู่ในพื้นที่ละแวกตำบลหญ้านาง ในขณะนั้นไม่ได้มีโรงเรียนชั้นประถม จึงทำให้หลวงพ่อรวยท่านจึงต้องไปเรียนกับพระภิกษุอยู่บนศาลาการเปรียญ
ต่อมาเมื่อมีอายุได้ประมาณ 16 ปี ท่านก็ได้บวชเป็นสามเณร ซึ่งพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับท่านก็คือพระสมุห์บุญช่วย ในขณะนั้นการดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแห่งวัดตะโก นอกจากนี้หลวงพ่อรวยท่านยังมีความสามารถในการสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในขณะที่ท่านยังคงเป็นสามเณรอยู่ เอามาเมื่ออายุได้รบบวชก็เข้าพิธีอุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุซึ่งตรงกับย่อมปีพ.ศ 2484 ในวันที่ 12 เมษายน การบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ของท่านมีพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ซึ่งก็คือ พระครูสุนทรธรรมนิวิฐ (หลวงพ่อชื่น) ซึ่งในขณะนั้นท่านกำลังเป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดภาชี และเป็นเจ้าคณะแห่งอำเภอภาชี สำหรับพระผู้เป็นพระกรรมวาจาใจให้กับท่านก็คือพระปลัดจ้อย และสำหรับพระผู้เป็นพระอนุสาวนาอาจารย์ให้กับท่านก็คือ พระสมุห์บุญช่วย ซึ่งในขณะนั้นท่านกำลังปกครองวัดตะโกในฐานะเจ้าอาวาส และใช้ยาทางธรรมของหลวงพ่อรวยก็คือ “ปาสาทิโก”
และต่อมาไม่นานซึ่งตรงกับช่วงปีพ.ศ 2485 หลวงพ่อรวยท่านก็มีความสามารถในการสอบนักธรรมชั้นโทได้ ตามด้วยในเวลาถัดมาท่านก็สามารถสอบนักธรรมชั้นเอกได้ในช่วงปีพ.ศ 2487 ซึ่งเป็นระยะเวลาห่างกันไม่นาน ต่อจากนี้นั่นยังมีความสนใจทานด้านพุทธาคมและกรรมฐานอีกด้วยซึ่งต่อมาท่านก็ได้มีโอกาสศึกษาร่ำเรียนวิชาเหล่านี้
ซึ่งท่านได้ศึกษาเล่าเรียนทางด้านพุทธาคมและวิชากรรมฐานกับพระอาจารย์ของท่านซึ่งก็คือหลวงพ่อชื้น (ซึ่งหลวงพ่อชื้นนั้นท่านเป็นศิษย์สายตรงของหลวงพ่อกลั่น แห่งวัดพระญาติ) ในเวลาต่อมาท่านก็ได้มีโอกาสไปร่ำเรียนวิชาอื่นๆกับหลวงพ่อแจ่มแห่งวัดวังแดงเหนือ ซึ่งหลวงพ่อแจ่มนั้นเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อรวยอีกองค์หนึ่งที่ได้ทำการถ่ายทอดวิชาต่างๆให้จนหมดสิ้น ด้วยความที่มีจิตใจฝักใฝ่ทางธรรมและการแสวงหาความรู้อย่างไม่ขาดสายจึงทำให้หลวงพ่อรวยท่านต้องการที่จะศึกษาวิชาต่างๆเพิ่มเติม
และเมื่อเวลาถัดมาซึ่งตรงกับช่วงปีพ.ศ 2499 นั้นหลวงพ่อรวยท่านก็ได้รับตำแหน่งฐานานุกรมที่พระปลัด สำรวย ปาสาทิโก และถัดมาในช่วงปีพ.ศ 2414 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมท่านก็ได้รับพระราชทานให้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท ที่ พระครูสุนทรธรรมนิวิฐ และถัดมาในช่วงปีพ.ศ 2558 ในวันที่ 5 ธันวาคม หลวงพ่อรวยท่านก็ได้รับพระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์ ให้เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญยก ที่พระมงคลสิทธาจารย์ แต่อย่างไรก็ตามใครหลายคนยังคงเรียกฉันว่าหลวงพ่อรวยตามเดิม รวมถึงคนยุคใหม่บางท่านก็เรียกท่านว่าหลวงตา
หลวงพ่อรวยนั้นท่านได้ละสังขารไปในช่วงปีพ.ศ 2560 และเรื่องที่น่าแปลกใจก็คือสังขารของท่านไม่ได้เน่าเปื่อยลงเหมือนผู้คนทั่วไป จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาของท่านจึงรักษาร่างนี้เอาไว้ในโลงแก้ว อยู่ที่วัดตะ ซึ่งในปัจจุบันนี้วัดนี้เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมความศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อรวยอย่างมาก ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมในช่วงเวลา 8 โมงเช้าไปจนถึง 4 โมงเย็นของทุกๆวันและจะปิดให้เข้าชมในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์
วัตถุมงคลของหลวงพ่อรวย วัดตะโกแห่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำหรับหลวงพ่อรวยนั้นเรียกได้ว่าท่านเป็นพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพระระดับแนวหน้ารูปหนึ่งของประเทศไทย ในช่วงยุคหลาย 10 ปีที่ผ่านมา และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีงานพุทธาภิเษกหรือปลุกเสกพระเครื่อง ก็จะมีผู้นิมนต์หลวงพ่อรวยเข้ามาทำพิธีปลุกเสกพระเครื่องต่างๆอยู่เสมอ เนื่องด้วยน้ำอันมงคลที่ผู้คนมักจะขอนิมนต์ท่านมาเป็นสิริมงคลในการสร้างพระ
ซึ่งส่วนใหญ่แล้ววัตถุมงคลที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากของท่านก็คือ เรทเงินของหลวงพ่อรวยและเหรียญหลวงพ่อรวยรุ่นชนะจน ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ล้วนแล้วแต่ค่อนข้างได้รับความนิยมสูงและในปัจจุบันก็กลายเป็นของหายากไปเสียแล้ว
เรทเงินหลวงพ่อรวยนั้นได้สร้างขึ้นมาจากเงินแท้และได้มีการนำไปลงยา ลักษณะโดยรวมนั้นจะเป็นแผ่นเงินที่ได้มีการจารึกด้วยคำบูชาที่บริเวณฝั่งด้าน และในส่วนด้านหน้านั้นจะมีการออกแบบเป็นอย่างดีและเป็นสัญลักษณ์รูปต่างๆ ถึงมีใบหน้าของหลวงพ่อรวยอยู่ด้วย ซึ่งการจัดสร้างในครั้งนั้นก็เพื่อต้องการเฉลิมฉลองในวาระต่างๆในปัจจุบันนี้บางรุ่นมีราคาเช่าบูชาอยู่หลากหลายหมื่น
สำหรับวัตถุมงคลชิ้นต่อมาที่ค่อนข้างได้รับการถามถึงอย่างมาก ก็คือเหรียญหลวงพ่อรวยรุ่นชนะจน ซึ่งสำหรับเหรียญรุ่นนี้นั้นถูกสร้างขึ้นจากเนื้อและบล็อกต่างๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วลูกศิษย์ลูกหาของท่านเมื่อได้รับเหรียญเหล่านี้ไปก็มักจะนำไปใส่กรอบหรือนำไปบูชาขึ้นคอ ในปัจจุบันนั้นมีราคาเช่าที่ค่อนข้างสูง
เรื่องเล่าที่ร่ำลือว่าฟ้าผ่าไม่ตาย
สำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างเป็นที่เราขานกันอย่างมากมายและเสมอมา เลยก็ว่าได้ ซึ่งมีชาวนาคนหนึ่งที่ชื่อว่านางจำนงค์ บางขจร เหตุการณ์นั้นเกิดในช่วงเวลาที่กำลังทำนาอยู่ แล้วปรากฏว่ามีฟ้าผ่าลงทำให้เธอจมน้ำไปต่อหน้าต่อตาลูกและสามีรวมถึงญาติพี่น้องคนอื่นๆอีกมากมาย เมื่อเห็นอย่างนั้นผู้คนก็ต่างช่วยกันอุ้มเธอขึ้นมา และปรากฏเห็นว่าเสื้อผ้าของเธอที่ใส่นั้นเกิดการไหม้เกรียมทั้งหมด และน่าแปลกใจตรงที่ว่า ร่างกายของเธอไม่มีบาดแผลใดๆ จากนั้นญาติพี่น้องก็ต่างพาเธอกลับบ้านแล้วตามด้วยการนำมาปฐมพยาบาลแบบเบื้องต้นด้วยวิธีโบราณคือใช้สุราพ่น เมื่อถึงยามเช้าอาการก็เบาลง เมื่อเริ่มลุกขึ้นได้ฟื้นขึ้นมา จึงได้ทราบว่านางจำนงค์นั้นเธอได้ห้อยเหรียญของหลวงพ่อรวยเอาไว้ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรก ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อฉลองสมณศักดิ์ในช่วงปี 2513 เรื่องเล่านี้ก็ได้กายเป็นที่เล่าขานต่อๆกันมาอยู่เสมอ
แล้วพบกันใหม่กับบทความในครั้งต่อไปนะคะ ขอฝากเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของ พระเกจิชื่อดัง แห่งวัดตะโก เมืองกรุงเก่า “หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก” ! กันไว้แต่เพียงเท่านี้ขอให้คุณโชคดีร่ำรวยเงินทอง ค้าขายเฮงๆๆค่ะ