หากเอ่ยถึงยาจินดามณีล่ะก็ เชื่อว่าเหล่าผู้นิยมสะสมพระเครื่องจะต้องนึกถึงชื่อของ หลวงปู่บุญแห่งวัดกลางบางแก้ว ขึ้นทันทีมาอย่างแน่นอน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราทีมงานได้รวบรวม ประวัติความเป็นมา “หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ วัดกลางบางแก้ว” พร้อมวัตถุมงคลหายากที่ใครๆก็ตามหา ! มาฝากคุณกันในครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่ารายละเอียดที่เราได้นำมาฝากกันนี้ รับรองได้ว่าละเอียเจริงๆค่ะท่านผู้อ่าน และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามารู้ตักกับเรื่องราวของท่านไปพร้อมๆกันดีงต่อไปนี้เลยดีกว่า !
ประวัติหลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ วัดกลางบางแก้ว
สำหรับพระพุทธวิถีนายกหรือ หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ แห่งวัดกลางบางแก้วนั้น เดิมทีท่านเป็นคนจังหวัดสมุทรสาครเกิดที่อำเภอกระทุ่มแบน ณ ตำบลท่าไม้ ท่านเกิดในช่วงปีพ.ศ. 2391 เป็นวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งช่วงปีที่ท่านเกิดนั้นเป็นช่วงยุคปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเก้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่3) ซึ่งท่านมีพี่น้องทั้งหมดหกคนและท่านเป็นลูกชายคนโตของบิดามารดา. มารดาของท่านชื่อนางลิ้นและบิดาของท่านชื่อในเส็ง ครั้งหนึ่งในวัยเด็กท่านได้เคยเป็นไข้อย่างหนักถึงขั้นสลบหมดสติ จนทำให้บิดาและมารดาของท่านคิดว่าหลวงปู่บุญนั้นท่านเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งครอบครัวของท่านเตรียมนำท่านไปทำพิธีฝังศพ แต่เหตุการณ์ที่น่าแปลกประหลาดก็คือท่านกลับฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งสมกับน้ำของท่านที่มีชื่อว่า “บุญ”
ต่อมาเมื่อบิดาของหลวงปู่บุญได้เสียชีวิต ก็ทำให้ป้าของท่านนั้นพาท่านไปฝากไว้กับพระปลัดทองแห่งวัดคงคาราม (เป็นวัดกลางบางแก้วในปัจจุบัน) ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอนครชัยศรี และเมื่อหลวงปู่บุญอายุได้ 15 ปีก็เข้าบวชเป็นสามเณร และต่อมาเมื่ออายุครบบวชท่านก็ได้เข้ารับการอุปสมบทในช่วงปีพ.ศ. 2412 ในวันที่ 21 มิถุนายน โดยมีพระอุปัชฌาย์ก็คือพระปลัดปาน แห่งวัดตุ๊กตา และมีพระกรรมวาจาจารย์คือพระปลัดทองแห่งวัดงิ้วราย และพระที่เป็นพระอนุสาวนาจารย์ของท่านก็คือพระอธิการซับแห่งวัดงิ้วราย และฉายาทางธรรมที่ได้รับก็คือ ขนฺธโชติ
หลวงปู่บุญนั้นท่านเป็นพระที่มีความเคร่งครัดในการปฎิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา และค่อนข้างมีจิตใจตั้งมั่นและมีความเพียรพยายามทางด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม ท่านได้เล่าเรียนทางด้านพุทธาคมยังมีความเพียรมานะ จนสำเร็จและมีความเชี่ยวชาญต่อสิ่งที่เรียนมาอย่างมาก อีกทั้งยังปฏิบัติตนจนกลายเป็นที่เคารพศรัทธาของเราพุทธศาสนิกชนและลูกศิษย์ลูกหาในจังหวัดอย่างมาก ถัดมาในช่วงปีพ.ศ. 2429 หลวงปู่บุญก็ได้เข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสแห่งวัดกลางบางแก้ว
หลวงปู่บุญนั้นถือเป็นพระนักพัฒนาซึ่งท่านได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ให้วัดที่มีความเสื่อมโทรมให้ใหม่ขึ้นอีกทั้งยังพัฒนาวัดให้มีความเจริญรุ่งเรือง และไม่ใช่เป็นเพียงพระนักพัฒนาเท่านั้นแต่หลวงปู่บุญท่านยังเป็นพระผู้เคร่งครัดในการปฏิบัติและมุ่งธุดงควัตรอยู่เสมอ หลวงปู่บุญนั้นท่านมีความเคร่งครัดทางด้านเจริญวิปัสสนากรรมฐานจนถึงขั้นได้รับยกย่องจากเราพุทธะศาสนิกชนและผู้ที่เคารพศรัทธาให้เป็นสุดยอดพระเกจิอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมแห่งยุคแม้แต่สมเด็จพระสังฆราช(แพ) แห่งวัดสุทัศน์เทพวนารามและท่านเจ้าคุณพระสุนทรสมาจารย์ (พรหม) วัดกัลยาณมิตร ก็ได้ให้ความเคารพศรัทธาในตัวท่านเช่นกัน
ถัดมาในช่วงปี 2431 หลวงปู่บุญได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ให้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และถัดมาในช่วงปีพ.ศ. 2442 หลวงปู่บุญได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ให้เป็นเจ้าคณะอำเภอ และท่านได้เป็นพระอุปัชฌาย์ในช่วงปีพ.ศ. 2459 , ถัดมาในปีเดียวกัน หลวงปู่บุญได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะแขวง ของจังหวัดนครปฐม และได้รับพระราชทานให้เป็นพระครูอุตรการบดี ต่อมาในช่วงปีพ.ศ. 2462 ได้รับตำแหน่งเจ้าคณะรองจังหวัดนครปฐมซึ่งได้รับพระราชทานให้เป็นพระครูพุทธวิถีนายก และจนมาถึงช่วงปีพ.ศ. 2471 ก็ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ให้เป็นพระราชาคณะ และได้การแต่งตั้งให้รับตำแหน่งประธานกรรมการคณะสงฆ์ ของจังหวัดสมุทรสาคร, จังหวัดนครปฐมและจังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาในช่วงปีพ.ศ. 2478 หลวงปู่บุญก็ได้มรณภาพลงซึ่งมีสิริอายุได้ 87 ปีและครองพรรษานานถึง 65 พรรษา และถึงแม้ว่าหลวงปู่บุญนั้นจะมรณภาพลงเป็น 100 ปีแล้วก็ตามเราเชื่อว่ายังคงมีลูกศิษย์ลูกค้ารวมถึงคนรุ่นใหม่ที่ยังเคารพศรัทธาและระลึกถึงท่านอยู่เสมอไม่เสื่อมคลาย
วัตถุมงคลและพระเครื่องของหลวงปู่บุญ
ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็ได้สร้างวัตถุมงคลและพระเครื่องเอาไว้อย่างมากมาย ซึ่งพระเครื่องกับองของท่านนั้นล้วนแล้วแต่มีราคาสูงมากในปัจจุบัน สำหรับพระเครื่องที่ค่อนข้างได้รับความนิยมสูงได้แก่พระหลวงปู่บุญพิมพ์เศียรโลนสะดุ้งกลับ , พระหลวงปู่บุญเจ้าสัวรุ่นแรก รวมถึงพระเนื้อผงยาจินดามณี รวมถึงพระเนื้อดินและเครื่องรางของขลังต่างๆไม่ว่าจะเป็นเบี้ยแก้ที่ค่อนข้างมีพุทธคุณสูงและเป็นที่เลื่องลือในเรื่องของพุทธานุภาพอย่างมากจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเราบรรดาลูกศิษย์ลูกค้าถึงยังคงตามหากันอย่างไม่ลดละ และสำหรับเหรียญพระที่ยังคงเป็นที่ตามหาของเหล่าบรรดาผู้นิยมสะสมพระเครื่องอยู่เสมอ และมีราคาแพงมากอีกหนึ่งเรียนซึ่งก็คือ “เหรียญพระพุทธะชินราช” ซึ่งแน่นอนว่าเป็นวัตถุมงคลชิ้นเอกของหลวงปู่บุญ
“เหรียญพระพุทธชินราชของหลวงปู่บุญ”
สำหรับเหรียญพระพุทธชินราชนี้ ใครหลายคนอาจเรียกว่าเหรียญเจ้าสัว ซึ่งเป็นเหรียญพระที่มีเนื้อเป็นโลหะซึ่งปัจจุบันค่อนข้างหาชมได้ยาก และที่มีอยู่นั้นก็ไม่อาจทราบได้ว่านั่นคือของแท้หรือของไม่แท้ เหตุที่ทำให้กลายเป็นที่เลื่องลือและที่ทำให้ใครหลายคนเรียกกันว่าเหรียญเจ้าสัวก็เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วใครที่เคยได้รับเดือนนี้จากหลวงปู่ ก็จะทำให้การค้าขายของพวกเขาเป็นไปอย่างเจริญรุ่งเรืองบางคนค้าขายจนร่ำรวยและบางคนสามารถขยายกิจการได้เป็นอย่างดี
เรียนนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปีพ.ศ. 2477 ในครั้งนั้นได้สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่หลวงปู่บุญอายุประมาณ 84 ปีซึ่งมีอายุครบ7 รอบ ซึ่งผู้ที่ทำการสร้างเรียนในครั้งนั้นก็คือท่านเจ้าคุณพระวินัยจิตใจกุศลจึงได้ทำการจัดสร้างเพื่อถวายให้กับหลวงปู่ ซึ่งท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสแห่งวัดกัลยาณมิตร ในจังหวัดกรุงเทพฯ ถูกสร้างขึ้นหลายเนื้อซึ่งก็คือเนื้อทองแดงและเนื้อเงิน และมีเนื้อทองคำด้วยเช่นกันแต่จำนวนการสร้างค่อนข้างน้อยและเหรียญเนื้อเงินก็ถูกสร้างถึง 10 เหรียญ แต่เหรียญพระเนื้อทองแดงนั้นก็มีจำนวนที่ค่อนข้างมากซึ่งมีการจัดสร้างประมาณสองพิมพ์นั่นก็คือพิมพ์ต้อและพิมพ์ชะลูด
ในส่วนพุทธะลักษณะนั้นประเทศไทยว่ามีความงดงามและแตกต่างจากแซงสื่ออื่นเป็นเดือนพระลอที่ค่อนข้างมีความโบราณทางด้านหน้านั้นเราจะมองเห็นได้ว่าเป็นรูปของพระพุทธแบบเต็มองซึ่งอยู่ในอิริยาบถนั่งขัดสมาธิเพชร ภายใต้นั้นมีฐานของดอกบัวความรักหงายเป็นอัสนะและส่วนด้านข้างของพระนั้นเป็นซุ้มเรือนแก้ว ซึ่งในรายละเอียดต่างๆไม่ว่าจะเป็นเส้นสั่งคติหรือพระเมาดีที่มีลักษณะเป็นตุ่มก็จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในส่วนของด้านหลังนั้นเป็นลายเรียบไม่มีอักขระใดถูกปรากฏอยู่
ส่วนท่านด้านพุทธคุณนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะอย่างที่เราได้กล่าวเอาไว้ข้างต้นได้ล่วงเลยทางด้านการค้าที่เจริญรุ่งเรืองและร่ำรวยอย่างมาก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆก็อยากมีไว้ในบูชาครอบครอง
แล้วกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไปนะคะ สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน ขอฝากเรื่องราว ประวัติความเป็นมา “หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ วัดกลางบางแก้ว” พร้อมวัตถุมงคลหายากที่ใครๆก็ตามหา ! ไว้แต่เพียงเท่านี้ ขออวยพรให้ท่านโชคดีและมีแต่สุขสมหวังในทุกประการ
