มาทางฝั่งอำเภอนางรองของจังหวัดบุรีรัมย์กันบ้าง ซึ่งพระเกจิอาจารย์ที่เราจะพาคุณมารู้จักในวันนี้ก็คือหลวงปู่เม้าท์ ลิ้นดำ ในหัวข้อ ประวัติความเป็นมาและปฏิปทาของ “หลวงปู่เม้า ลิ้นดำ” แห่ง วัดสี่เหลี่ยม พระเกจิอาจารย์ที่ชาวบุรีรัมย์นับถือ! ซึ่งแน่นอนว่าเราจะมาบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของหลวงปู่เม้าท์แห่งวัดสี่เหลี่ยมให้คุณได้ทราบซึ่งหลวงปู่เม้าท์นั้นท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนถึง 102 ปี ท่านเป็นอีกหนึ่งพระเกจิอาจารย์ทางฝั่งอีสานใต้ ที่มีผู้คนเคารพนับถืออย่างมากโดยเฉพาะชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ท่านเป็นผู้ทรงวิทยาคมและมีบารมีแก่กล้า อีกทั้งยังเป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราจะพาคุณมาทราบถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของท่านพร้อมๆกันดังต่อไปนี้
ประวัติความเป็นมาหลวงปู่เม้าท์ พลวิริโย (ลิ้นดำ)
แห่งวัดสี่เหลี่ยม อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
สำหรับหลวงปู่เม้าท์นั้นท่านเกิดในช่วงปีพ.ศ. 2417 จึงถือได้ว่าท่านเป็นพระยุคเก่าซึ่งท่านเกิดในวันที่ 23 เดือนพฤษภาคม ในวัยเยาว์นั้นท่านได้บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ประมาณ 13 ปีซึ่งตรงกับช่วงปีพ.ศ. 2430 และหลังจากนั้นท่านก็ได้เข้าพิธีอุปสมบทเพื่อบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์เมื่ออายุได้ครบบวช
ซึ่งพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับท่าน ก็คือหลวงพ่อเพียรแห่งวัดถนนหัก และได้รับฉายาทางธรรมว่า “พลวิริโย” ท่านเป็นพระโปรแกรมขัดต่อการปฎิบัติอย่างมากและถือการเดินธุดงควัตรอยู่เสมอท่านมักจะออกเดินทาง และเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภาคอีสานหรือสถานที่อื่นๆ ซึ่งท่านเดินทางในแถบภาคอีสานใช้เวลาค่อนข้างหลาย 10 ปีเลยทีเดียว
หลวงปู่เม้าท์ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในยุคนี้มาโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาที่ท่านสำเร็จและค่อนข้างเชี่ยวชาญก็คือวิปัสสนากรรมฐาน ถึงขั้นมีพูดยกย่องให้ท่านเป็นยอดในวิชาวิปัสสนากรรมฐานเลยทีเดียว
ที่ท่านได้ร่ำเรียนมาจากพระอาจารย์เพียร ซึ่งพระอาจารย์ท่านนี้ก็คือพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับท่านนั่นเอง และหลังจากที่ร่ำเรียนกับตราสารเพี้ยนแล้วท่านยังได้ศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์นิล, พระอาจารย์เสาร์, พระอาจารย์ดา พระอาจารย์ครุต และพระจารย์ท่านอื่นๆอีกมากมาย
อุปนิสัยส่วนตัวของหลวงปู่เม้าท์นั้นท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติที่พูดน้อยและมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ในปากของท่านนั้นจะมีลิ้น เป็นสีดำจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนมักจะเรียกกันว่าหลวงปู่เม้าท์ลิ้นดำ ท่านเป็นพระผู้มีจิตสูงและมีบารมีแก่กล้าวัตถุมงคลของท่านล้วนแล้วแต่มีพุทธคุณสูงและถูกร่ำลือถึงประสบการณ์อย่างมาก
เหล่าบรรดาทหารที่ออกไปรบในช่วงสมัยสงครามอินโดจีนในยุคนั้นต่างพากันมาขอของดีเพื่อเอาไว้ปกปักรักษาตัวเองและทุกคนที่ได้มีวัตถุมงคลของหลวงปู่เอาไว้ในครอบครัวแคล้วคลาดปลอดภัยจากสมรภูมิรบทุกครั้งราวกับเป็นปาฏิหาริย์ ญาติโยมชาวจังหวัดบุรีรัมย์รวมถึงในจังหวัดใกล้เคียงอื่นๆมักจะมากราบสักการะหลวงปู่กันอยู่เสมอ
หลวงปู่เม้าท์ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นเรียกได้ว่าท่านอุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงรวมถึงบำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างมากมายและท่านไม่เคยบ่นไม่เคยเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยในสิ่งเหล่านี้เลย ท่านได้ช่วยทำนุบำรุงและนำพาความเจริญมาให้กับวัดอย่างมากมาย เรียกได้ว่าท่านเป็นพระนักพัฒนาเลยก็ว่าได้ เพราะท่านไม่ได้ทำนุบำรุงเพียงวัดที่ท่านจำวัดอยู่เท่านั้นเพราะอารามต่างๆที่ท่านได้ช่วยทำนุบำรุงมีมากมายไม่น้อยอันได้แก่ วัดหนองยายพิมพ์ , วัดบ้านตะโก, วัดสังเวทกิริญาวาส , วัดถนนหัก วัดใหม่เรไร่ทอง และวัดสี่เหลี่ยม (ซึ่งในขณะนั้นท่านมีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสี่เหลี่ยม)
หลวงปู่เม้าท์ท่านมรณภาพในช่วงปีพ.ศ. 2519 รวมสิริอายุได้ 102 ปีในภาษาที่ 82 และถึงแม้ว่าท่านจะมรณภาพไปนานหลาย 10 ปีแล้วก็ตามแต่ผู้คนยังคงเคารพศรัทธาหลวงปู่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวจังหวัดบุรีรัมย์อำเภอนางรอง
เรื่องเล่าจากพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล
ที่น่าอัศจรรย์ใจของหลวงปู่เม้าท์ ลิ้นดำ
และไม่ได้เป็นเพียงเจ้าอาวาสของวัดสี่เหลี่ยมเท่านั้น เพราะท่านเป็นเจ้าอาวาสอีกสี่วัด ที่เราได้กล่าวมาเมื่อสักครู่นี้ด้วยเช่นกัน หลวงปู่เม้าท์ท่านคือพระอาจารย์ที่ผู้คนเริ่มใส่ศรัทธาอย่างมาก นอกจากนี้ท่านยังได้จัดการสร้างอุโบสถต่างๆขึ้นภายในวัดสี่เหลี่ยม ซึ่งหากจะสร้างให้สำเร็จรุร่วงไปด้วยดีโดยลำพังนั้นก็ถือเป็นเรื่องยาก และด้วยเหตุนี้หลวงปู่เม้าท์ท่านจึงได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆเพื่อรวบรวมปัจจัยมาเป็นทุนทรัพย์ ในการสร้างถาวรวัตถุขึ้นอันได้แก่ การนำสร้างพระอุโบสถ์ขึ้น
ซึ่งวัตถุมงคลของหลวงปู่เม้าท์แต่ละชิ้นนั้น ต้องขอบอกเลยว่าค่อนข้างได้รับความนิยมสูงมาก อีกทั้งยังถูกล่ำลือว่ามีพุทธคุณอันเป็นเลิศในหลายๆด้านอีกด้วย สำหรับการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อนำปัจจัยมาสร้างอุโบสถนั้น ผู้ที่มาเป็นประธานในองค์พิธีของการจัดงานขึ้นก็คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร
และในระหว่างพิธีพุทธาภิเษกนั้นก็ได้มีปรากฏการณ์จันทรุปราคาเกิดขึ้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการอันเต็มล้น และตามตำราโบราณนั้นถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่เหมาะกับการปลุกเสกเครื่องรางของขลังรวมถึงการตั้งพระอย่างมาก
และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าอัศจรรย์เกิดขึ้นก็คือหลังจากที่หลวงปู่เม้าท์ท่านนั่งปลุกทำการปลุกเสกเหรียญ ได้มีฝนโปรยลงมา ท่ามกลางสายตาของญาติโยมและพระสงฆ์และสามเณรทั้งหลาย ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก และฝนที่ตกลงมานี้ก็ไม่ได้มีการตั้งเค้าเพื่อให้ทราบมาก่อน ทั้งในขณะนั้นยังเป็นฤดูกาลแห้งแล้งที่ยากจะมีฝนตกเกิดขึ้น และเมื่อหลวงปู่ท่านได้ทำพิธีปลุกเสกเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักไปทั่วพื้นที่ของอำเภอนางรองซึ่งค่อนข้างเป็นผลดีอย่างมาก ต่อการทำการเกษตร และดีต่อพืชผล
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือในอำเภอใกล้เคียงกับไม่มีฝนตกเหมือนอำเภอนางรองเลย อีกทั้งยังขาดแคนน้ำแล้วด้วยซ้ำ และเหตุการณ์นี้จึงยิ่งทำให้ลูกศิษย์ลูกค้าและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ค่อนข้างตื่นตาตื่นใจและประหลาดใจกันเป็นอย่างมาก ถ้าเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว
เหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่เม้าท์ปี 2517
สำหรับหลวงปู่เม้าท์นั้นเรียกได้ว่าหากถูกมงคลชิ้นใดขึ้นมาก็มักจะให้การสนับสนุนอยู่เสมอ สำหรับเหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่เม้าท์นั้นถือได้ว่าเป็นเหรียญที่ค่อนข้างได้รับความนิยมสูงอย่างมาก เนื่องจากเป็นเหรียญที่มีความงดงามทางพุทธศิลป์อีกทั้งยังสร้างขึ้นในวาระครบรอบอายุ 100 ปี ของหลวงปู่ตอนที่ได้สร้างเหรียญขึ้นมาช่วงแรกๆนั้น เรียกได้ว่าเป็นเดือนที่ผู้คนพูดถึงไม่มีชื่อเสียงอย่างมาก
อีกทั้งยังมีการล่ำหรือว่าเดือนนี้มีพุทธคุณที่สูงหากใครมีไว้ในครอบครองบูชาก็จะแคล้วคลาดปลอดภัยนอกจากนี้ยังมีจำนวนในการสร้างที่ค่อนข้างน้อยจึงเรียกได้ว่าเป็นอีก 1 เหรียญหายากของจังหวัดบุรีรัมย์เลยก็ว่าได้
หนุมานหล่อโบราณบรรจุกริ่ง ของ “หลวงปู่เม้าท์ ลิ้นดำ”
แห่งวัดสี่เหลี่ยม ปี 2517
สำหรับวัตถุมงคลชิ้นนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งชิ้นที่ผู้คนต่างเสาะแสวงหากันเป็นอย่างมากเนื่องจากถูกสร้างขึ้นมาเป็นระยะเวลานานและมีจำนวนในการแซงน้อยเช่นกัน สำหรับหนุมานรอบรรจุกริ่งนั้นหลวงปู่ท่านได้ทำการปลุกเสกอย่างรู้จริงและท่านเป็นผู้มีความชำนาญในด้านนี้และสร้างขึ้นตามตำราวิชาโบราณที่ท่านได้ร่ำเรียนมา
สำหรับพุทธคุณของวัตถุมงคลนี้มีความโดดเด่นทางด้านเมตตามหานิยมเชื่อกันว่าหากใครมีไว้ในครอบครองบูชาการงานก็มักจะเจริญก้าวหน้าอีกทั้งยังมีความโชคดีในด้านเงินทองและวาสนามีโชคลาภรวมถึงทางด้านแคล้วคลาดปลอดภัยและนิรันตรายอีกด้วย อย่างไรก็ตามวัตถุมงคลชิ้นนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หายากเช่นกันและหากใครมีไว้ในครอบครองบูชาก็มักจะหวงแหนกันเป็นเรื่องปกติตามที่เราได้กล่าวเรียนไว้ว่ามีจำนวนการสร้างที่ค่อนข้างน้อย
อย่างไรก็ตามพวกเราทีมงานหวังอย่างยิ่งว่าบทความ ประวัติความเป็นมาและปฏิปทาของ “หลวงปู่เม้า ลิ้นดำ” แห่ง วัดสี่เหลี่ยม พระเกจิอาจารย์ที่ชาวบุรีรัมย์นับถือ! นี้ น่าจะทำให้ท่านผู้อ่านชื่นชอบกันนะคะ เดี๋ยวพบกันใหม่กับบทความครั้งต่อไป สวัสดีค่ะ