ประวัติความเป็นมาของ พระครูสิทธิสารคุณ “หลวงพ่อจาด คังคสโร แห่ง  วัดบางกระเบา” !

ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง สำหรับหลวงพ่อจาด คังคสโร ท่านคือหนึ่งในสมญานามที่ผู้คนมักจะเรียกกันว่า  จาด จง คง อี๋  ในยุคนั้น  และแน่นอนว่าในครั้งนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ ประวัติความเป็นมาของ พระครูสิทธิสารคุณ “หลวงพ่อจาด คังคสโร แห่ง  วัดบางกระเบา” ! ซึ่งจะมาบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของท่านให้คุณได้ทราบและรู้จักท่านกันมากยิ่งขึ้น  และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณไปพบกับเนื้อหาที่น่าสนใจดังต่อไปนี้กันเลยค่ะ  

ประวัติของ  พระครูสิทธิสารคุณ “หลวงพ่อจาด คังคสโร” 

แห่ง วัดบางกระเบา เมืองปราจีนบุรี 

สำหรับพระครูสิทธิสารคุณ หรือที่ใครหลายคนมักจะรู้จักกันดีในนามหลวงพ่อจาด คังสโร ท่านเกิดในช่วงยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหรือรัชกาลที่ 5 วันเกิดในช่วงปีพ.ศ 2415 ตรงกับวันที่ 17 เดือนมีนาคม เดิมทีนั้นบอกว่าจากท่านเป็นชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา ท่านเป็นลูกของคุณพ่อเป๊อะ วงษ์กำนุช ซึ่งคุณแม่ของหลวงพ่อท่านได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ในสมัยที่ท่านยังเล็ก ไม่ได้มีปรากฏเอาไว้ในข้อมูลใดๆ และหลังจากนั้นคุณพ่อของหลวงพ่อจาดท่านก็ได้ยกหลวงพ่อจาด ให้เป็นบุตรบุญธรรมของในถิ่นและนางหลิน  สีซัง ซึ่งทั้งสองท่านนี้ท่านเป็นชาวบ้านสร้างในจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากท่านทั้งสองไม่มีบุตรเป็นของตนเอง และท่านก็ให้ความรักความเมตตาแก่หลวงพ่อจาดอย่างมาก 

ถัดมาเมื่อหลวงพ่อท่านอายุได้ครบบวช หลวงพ่อจาดตัดสินใจเข้าพิธีอุปสมบทในช่วงปีพ.ศ 2436 ซึ่งตรงกับในวันที่ 13 เดือนเมษายน ซึ่งพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับท่านก็คือ พระครูปราจีนมุนี หรือที่ใครๆคนมักจะรู้จักกันดีในนามหลวงพ่อทอง แห่ง วัดหลวงปรีชากูล สำหรับพระผู้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ให้กับท่านก็คือ หลวงพ่ออ้วน แห่งวัดบ้านสร้าง และสำหรับพระผู้เป็นพระอนุสาวนาจารย์ให้กับท่านก็คือ หลวงพ่อหลี แห่งวัดบางคาง ซึ่งหลังจากที่หลวงพ่อขาดท่านได้อุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว ท่านก็ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเกาะแก้วเวฬุวัน ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา 

ซึ่งท่านได้ศึกษาเล่าเรียนทางด้านกรรมฐาน กับพระอาจารย์ของท่านซึ่งมีชื่อว่าพระอาจารย์จันทร์ แต่ในบางข้อมูลได้ระบุเอาไว้ว่าคือพระอาจารย์จีนซึ่งในยุคสมัยนั้นท่านค่อนข้างเป็นที่รู้จักอย่างมากเนื่องจากท่านเป็นคู่แก่กล้าทางด้านวิชาอาคม ซึ่งในขณะนั้นท่านบวชได้ในพรรษาที่ 2  หลังจากที่ศึกษาทางด้านนี้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วท่านก็ได้ศึกษาทางด้านพระปริยัติธรรมต่อ กับพระอาจารย์อยู่แห่งวัดไกรศรีในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งในขณะนั้นหลวงพ่อจาดบวชได้เป็นพรรษาที่ 4 เมื่อสำเร็จก็ได้กลับมาจำวัดอยู่ที่วัดบางกระเบาในจังหวัดปราจีนบุรีเช่นเดิม 

และหลังจากที่ได้มีโอกาสกลับไปยังจังหวัดปราจีนบุรี ท่านก็ได้ออกธุดงค์เข้าวัดซึ่งได้เดินทางไปตามจังหวัดต่างๆและธุดงค์ในป่าเพื่อหาความสงบ สำหรับการบำเพ็ญภาวนา และการเดินธุดงค์ของท่านนั้นก็ทำให้ท่านได้พบกับพระภิกษุอีกมากมายหลายรูป ซึ่งผู้ที่ท่านได้พบได้แก่ หลวงพ่อจงแห่งวัดหน้าต่างนอกของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ,  หลวงพ่อแช่ม แห่งวัดตาก้องที่จังหวัดนครปฐม หลวงพ่ออี๋ แห่งวัดสัตหีบแห่ง เมืองชลบุรี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกมากมายหลายรูปในยุคนั้น

หลวงพ่อจาดนั้นท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าทางด้านวิชาพุทธาคมอย่างมากและท่านไม่ได้มีชื่อเสียงเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้นเนื่องจากท่านสำเร็จทางด้านวิชาอาคมหลายแขนงและมีความเชี่ยวชาญในหลายแขนงด้วยเช่นกัน  ซึ่งได้แก่ทางด้านวิชาเมตตามหานิยม  และท่านค่อนข้างเป็นที่ร่ำลือในเรื่องของวิชาอยู่ยงคงกระพันรวมไปถึงคาถาในเรื่องการปล่อยคุณไสย ซึ่งในยุคนั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงไม่น้อย แต่ถึงแม้ว่าท่านจะมีชื่อเสียงโด่งดังท่านก็ไม่เคยเป็นผู้อวดความร่ำรู้ใดๆ และวางตนอย่างเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพระภิกษุสงฆ์รุ่นหลัง นอกจากนี้ท่านยังถือสมถะอยู่ง่ายฉันง่ายและมีความเคร่งครัดต่อการปฏิบัติอย่างมาก 

ซึ่งท่านมักจะใช้วิชาต่างๆในช่วงที่จำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือในช่วงยุคสมัยของสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือที่เรารู้จักกันดีในฐานะสงครามมหาเอเชียบูรพา ซึ่งเป็นยุคที่หลวงพ่อจากท่านได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้อย่างมากมาย และได้มีการจัดสร้างกันหลายครั้งพอสมควร เนื่องจากได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจของเหล่าบรรดานักรบที่ร่วมปกป้องประเทศชาติในยุคนั้น รวมถึงเอาไว้ให้ติดตัวเพื่อปกปักรักษาคุ้มครองเหล่าบรรดาพี่น้องชาวไทยทั้งข้าราชการและประชาชนทั่วไป แต่สำหรับครั้งที่ได้สร้างวัตถุมงคลเป็นจำนวนมากเรียกว่าเป็นครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียวเห็นทีน่าจะเป็นช่วงปีพ.ศ 2483 ซึ่งในครั้งนั้นได้มีพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมากมาย ที่มาจากทุกภาคทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย มาร่วมกันจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อมอบให้กับเหล่าทหารกล้า 

หลวงพ่อจาดท่านค่อนข้างมีบทบาทในยุคสมัยนั้นอย่างมาก ซึ่งท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับสมญานามพร้อมกับพระเกจิอาจารย์หลายรูป ที่ผู้คนมักจะเรียกท่านเหล่านี้ว่า  จาด จง คง อี๋  ซึ่งมาจากชื่อของหลวงพ่อจาด  หลวงพ่อจง  หลวงพ่อคง  และหลวงพ่ออี๋ ซึ่งท่านทั้งหมดทุกรูปนั้นเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมอันแก่กล้า และมีการปฏิบัติที่เคร่งครัดอย่างมาก หลวงพ่อจาดท่านมรณภาพลงในช่วงปีพ.ศ 2499 ในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน

ซึ่งเป็นช่วงยุคสมัยของแผ่นดินพระสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชหรือรัชกาลที่ 9 นับได้ว่าเป็นเรื่องที่โศกเศร้าของเราบรรดาลูกศิษย์ลูกหา และพุทธศาสนิกชนชาวไทยในยุคนั้นอย่างมาก รวมศิริอายุได้ 84 ปีและครองพรรษาได้ยาวนานถึง 63 พรรษา  ถึงแม้ว่าหลวงพ่อจากท่านจะได้มรณภาพลงเป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วก็ตามแต่ชื่อเสียงของท่านยังคงทำให้ผู้คนรุ่นหลังได้รู้จัก รวมทั้งยังระลึกถึงท่านอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย 

สมญานาม  เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าถึงประสบการณ์ที่ผู้คนได้ประจักษ์มาเป็นเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้น ซึ่งในครั้งนั้นได้มีเครื่องบินของชาวฝรั่งเศสได้มาทิ้งระเบิดเอาไว้ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ตรงที่กลับไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลย จึงเรียกได้ว่าเรื่องราวนี้ถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เนื่องจากเครื่องบินที่ทิ้งระเบิดนั้นในความเป็นจริงแล้วแทบจะฆ่าผู้คนได้มากมายเลยทีเดียว และด้วยเหตุการณ์นี้จึงทำให้หลวงพ่อจากท่านได้รับสมญานามว่า เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก 

ถึงแม้ว่าหลวงพ่อจาดท่านจะมีชื่อเสียงหรือผู้คนยกย่องมากเพียงใดก็ตามแต่ท่านยังคงปฏิบัติตนเช่นเดิม และยังคงครึ่งคัดตัวการปฏิบัติเหมือนเดิมเช่นกัน นอกจากนี้ท่านยังเป็นที่เคารพเลื่อมใสของพระเถระชั้นผู้ใหญ่อย่างมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสมเด็จพระสังฆราชแพ และถัดมาในช่วงปีพ.ศ 2470 หลวงพ่อจาดท่านก็ได้รับพระราชทานให้เลื่อนสมณศักดิ์ที่ พระครูสิทธิสารคุณ ระดับชั้นโท

วัตถุมงคลของหลวงพ่อจาด แห่งวัดบางกระเบารุ่นแรก  

ค่อนข้างขึ้นชื่อกันอย่างไม่น้อยสำหรับเหรียญหลวงพ่อจาด แห่งวัดบางกระเบารุ่นแรกนี้ เนื่องจากเป็นเหรียญที่ได้รับอาราธนาจากจอมพลปพิบูลสงคราม อีกทั้งยังเป็นเหรียญที่สร้าง มีเรื่องเล่าที่เลื่องลือขจรไปไกลทั่วประเทศ ถึงพุทธคุณที่ใครหลายคนได้พบกับประสบการณ์หลังจากที่ได้นำมาขึ้นห้อยบูชาคอ บางคนก็นำมาติดตัว 

พุทธลักษณะของเหรียญรุ่นนี้จะปรากฏอย่างชัดเจนว่ากลางเหรียญนั้นเป็นภาพขององค์พระแบบเต็มองค์ในท่านั่งในส่วนของด้านหลังนั้นเป็นพระมหาอุด ซึ่งรายล้อมไปด้วยดอกบัวทางด้านล่าง ถูกสร้างขึ้นด้วยมวลสารเนื้อเงินแบบลงยาและเนื้อทองแดง 

ขอฝากเรื่องราวของ ประวัติความเป็นมาของ พระครูสิทธิสารคุณ “หลวงพ่อจาด คังคสโร แห่ง  วัดบางกระเบา” ! กันไว้แต่เพียงเท่านี้ แล้วกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไปนะคะสำหรับวันนี้ต้องขออนุญาตลากันไปก่อนขอให้คุณโชคดีร่ำรวยเงินทองและมีความสุขค่ะ