มาทางฝั่งจังหวัดศรีสะเกษซึ่งเป็นฝั่งอีสานใต้กันบ้าง และในวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ ประวัติที่มาสุดขลัง “เหรียญรุ่นแรก ปี 2540 เทวดาเล่นดิน” ของหลวงปู่สรวง แห่งวัดไพรพัฒนา เมือง ศรีสะเกษ ” ! ซึ่งหลวงปู่สรวงนั้นท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านวิทยาคมอย่างมากและท่านเป็นพระชาวกัมพูชาที่เหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชนชาวไทยให้ความเลื่อมใสและศรัทธาไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือชาวจังหวัดศรีสะเกษ และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาในครั้งนี้เราจะพาคุณไปทราบถึงรายละเอียดที่น่าสนใจจากประวัติความเป็นมาของท่านกันเลยดีกว่า
ประวัติหลวงปู่สรวง แห่งวัดไพรพัฒนา จังหวัดศรีสะเกษ
ก่อนอื่นเราจะพาคุณมารู้จักกับประวัติความเป็นมาของหลวงปู่สรวงกันเสียก่อน ซึ่งประวัติแท้จริงของท่านนั้นไม่มีใครทราบเนื่องจากท่านไม่ค่อยได้เล่าประวัติส่วนตัวของท่านให้ผู้ใดฟังมากนักจึงเป็นเพียงคำบอกเล่าแบบปากต่อปากเท่านั้นอีกทั้งหลายๆเรื่องราวยังคงเป็นปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้ แต่ในครั้งนี้พวกเราทีมงานสองพระก็รวบรวมเท่าที่ได้มาบอกเล่าให้คุณได้ฟังกันต่อในครั้งนี้
ว่ากันว่าหลวงปู่สรวงนั้นเดิมทีท่านเป็นชาวประเทศกัมพูชาหรือที่เรามักจะเรียกกันว่าชาวเขมร แล้วเดินทางมาอยู่ในประเทศไทยรวมถึงจำพรรษาที่วัดหลายแห่งในประเทศไทย และในคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แกบางคนก็บอกว่าท่านเป็นเจ้าจังหวัดศรีสะเกษโดยกำเนิด ซึ่งแท้จริงเป็นอย่างไรนั้นเรื่องราวนี้ก็ยังเป็นปริศนาที่ไม่มีใครทราบ แต่ที่ค่อนข้างแน่นอนก็คือชาวบ้านในยุคนั้นส่วนใหญ่มักจะเรียกท่านว่าลูกตาเบ๊าะ ซึ่งในภาษากัมพูชานั้นมีความหมายว่าพระดาบสที่เป็นผู้ทรงศีลที่อาศัยอยู่ตามป่าเขาและตามถ้ำ) และสำหรับบางคนก็จะเรียกกันว่าลูกเอ็อวเบ๊าะ
อุปนิสัยของหลวงปู่นั้นท่านค่อนข้างเป็นคนรักสันโดษและมักน้อย ถือสมถะและมีอุเบกขาสูงสุด โดยส่วนใหญ่แล้วท่านมักจะจำวัดอยู่ ณ สำนักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านไพรบึงน้อย ซึ่งในปัจจุบันนั้นได้กลายเป็น “วัดไพรพัฒนา” ไปแล้ว รวมทั้งท่านยังมักอาศัยอยู่ตามกระท่อมปลายนาเล็กๆ โดยจะมีเพียงไม้กระดานสำหรับเพียงพอในการนอนเท่านั้นและทุกที่ที่หลวงปู่อยู่นั้นโดยส่วนใหญ่มักจะมีเสาไม้ที่ค่อนข้างสูงปักอยู่เสมอ และผู้คนมักจะสังเกตว่าจะมีเชือกสีขาวผูกเอาไว้ระหว่างกระท่อม และเมื่อลูกศิษย์ลูกหาที่ไปหาท่านก็มักจะพบว่ามีว่าวขนาดใหญ่ที่บุด้วยจีวร ซึ่งท่านจะทำเอาไว้เป็นสัญลักษณ์รวมถึงกระดาษแขวนต่างๆ และท่านมักจะให้ลูกศิษย์ช่วยก่อกองไฟเอาไว้ให้เสมอ ทุกครั้งที่ลูกศิษย์ไปหาหรือนำของไปถวายท่านก็จะโยนของที่รับมาจากลูกศิษย์เข้าไปในกองไฟ ดังนั้นหากสังเกตเห็นว่ามีสิ่งของเหล่านี้อยู่นั่นหมายความว่าหลวงปู่ท่านเคยได้จำวัดหรือเคยอยู่ที่นี่มาก่อน
ครั้งหนึ่งเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ซึ่งก็คือหลวงพ่อพุฒ วายาโม (พระครูโกศลสิกขกิจ) ได้เล่าว่า หลวงปู่สรวงนั้นท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยรักสันโดษเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านได้รับปัจจัยมาท่านก็มักจะไม่ติดและมักจะทำทานให้กับผู้ยากไร้อยู่เสมอ ในบางครั้งท่านก็นุ่งขาวห่มขาวและในบางครั้งท่านก็นุ่งห่มเหลือง ซึ่งชาวบ้านที่พบเห็นก็จะทราบกันดีว่านั่นคือเรื่องปกติของท่าน เนื่องจากท่านเป็นมหามุนีเทพดาบสที่บุคคลโดยทั่วๆไปมักจะเรียกกันว่าหลวงปู่และมีกิจปฏิบัติเหมือนกับพระสงฆ์ทั่วไป
ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นเรียกได้ว่าหลวงปู่สรวงเป็นพระผู้มีความเมตตาและมักจะให้ทานแก่ชาวบ้านผู้ยากไร้อยู่เสมอท่านมรณภาพลงในช่วงปี 2543 ซึ่งตรงกับวันที่ 8 กันยายน และเรื่องที่น่าแปลกใจก็คือสรีระสังขารของท่านหลังจากที่ละไปแล้ว กลับไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลาเหมือนผู้คนปกติทั่วไป และในปัจจุบันทางวัดไพรพัฒนาซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอภูสิงห์ของจังหวัดศรีสะเกษ ก็ยังคงเก็บรักษาร่างที่ละสังขารของท่านเอาไว้ในโลงแก้วเป็นอย่างดี หากใครผ่านไปก็สามารถแวะไปนมัสการได้
ที่มาของการเรียก หลวงปู่สรวงว่า “เทวดาเล่นดิน”
สำหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในจังหวัดศรีสะเกษและทางแถบฝั่งอีสานใต้นั้น ได้ยกย่องหลวงปู่สรวงว่า ท่านคือผู้วิเศษแห่งภูฏานแบ่งและมักจะเรียกฐานท่านว่าเทวดาเล่นดิน หลวงปู่สรวง ซึ่งชื่อของท่านค่อนข้างแฝงปริศนาธรรม เนื่องจากดินก็คือธาตุและธาตุก็คือหนึ่งในกองกสิณ และไม่ว่าผู้ใดจะถวายสิ่งใดมาท่านก็มักจะโยนสิ่งของที่ได้รับเข้ากองไฟ แม้แต่ข้าวของเงินทองด้วยเช่นกัน อัคคีธาตุก็คือไฟซึ่งเป็นหนึ่งในกองกสิณ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระอริยสงฆ์สายเหนือโลกใช้ในการฝึกจิตและจะไม่ยึดมันถือมั่น และนอกจากนี้เรื่องราวของหลวงปู่สรวงยังมีเรื่องเล่าขานต่อๆกันมาทางด้านอภินิหารและเรื่องน่าเหลือเชื่ออีกมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ได้มีการตีแผ่ไปทางสื่อสิ่งพิมพ์และยังคงเป็นเรื่องเล่ามาจนถึงปัจจุบัน
เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน ปี 2540
เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 เหรียญที่มีเรื่องเล่ามากมายทางด้านปาฏิหาริย์ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรกที่ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 2540 ตามชื่อรุ่น ซึ่งจะเป็นเนื้อเอาปาก้าได้ถูกตั้งขึ้นประมาณ 1000 เหรียญ พุทธลักษณะของเรียนก็คือทางบริเวณด้านหน้านั้นจะเป็นรูปเหมือนของหลวงปู่สรวงอยู่ในท่านั่งซึ่งเป็นท่าประจำที่ท่านมักจะนั่ง โดยนั่งยกขาขึ้นมาข้างหนึ่งและใช้มือเท้าไปที่หัวเข่านุ่งห่มจีวร เป็นเหรียญประเภทขอบตัดและมีการจารึกที่ได้ระบุเป็นอักษรภาษาไทยว่าหลวงปู่สรวง และพื้นหลังของเหรียญก็เป็นลักษณะเรียบไม่มีรูปภาพใดๆปรากฏ จุดสังเกตก็คือเราจะสามารถมองเห็นเส้นตรงที่มีความขรึมบริเวณอุ้งมือที่ท่านชูอยู่ทางด้านขวา ถัดมาตรงบริเวณดวงตาจะมีความคมลึกซึ่งสามารถสังเกตได้ง่าย
ช่วงบริเวณใช้ของจีวรนั้นค่อนข้างเรียวและคมเป็นเส้นที่นูนชัดปรากฏให้เห็น ส่วนผิวของพื้นหลังนั้นนอกจากจะเรียบแล้วยังมีความแน่นตึงอีกด้วย ถัดมาทางด้านขวาตรงค้าที่รูปองค์พระฉันขาขึ้นนั้นจะมีรอยเส้นที่มีลักษณะเป็นธรรมชาติอย่างมากและในส่วนของนิ้วเท้านั้นก็มีความลึกคมชัดถัดมาอีกหนึ่งจุดสังเกตก็คือตัวหนังสือที่ระบุคำว่า “หลวงปู่สรวง” นั้นมีความคมชัดและลึกปรากฏให้เห็น
ในส่วนของพุทธะลักษณะทางด้านหลังนั้นจะมีการลงยันต์อักขระ สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเหรียญขอบตัดเช่นกัน ขอบนั้นจะมีความตั้งคมโดดเด่น ในส่วนของตรงกลางนั้นจะมีการลงอักขระยันต์ที่เห็นเป็นเส้นอย่างคมชัด พื้นผิวด้านหลังนั้นจะมีความเรียบและแน่นตึง ทางด้านปลายยอดของอักขระยันต์นั้นจะมีลักษณะโค้งมน และเห็นอุณาโลมชัดถึงสามอัน และมีปรากฏอักษรภาษาไทยซึ่งระบุคำว่า “รุ่น ๑ เทวดาเล่นดิน” ความคมของตัวอักษรนั้นมีความคมและชัดลึกอย่างมากแต่ทางด้านของตัว “ด” ตรงคำว่า “เทวดา” นั้นจะเป็นลักษณะที่เนื้อเกินออกมา และจุดสังเกตของบริเวณด้านข้างเหรียญนั้นตรงจุดตัดควรจะต้องตรงกัน นอกจากนี้ยังมีคำร่ำลือว่าพุทธคุณสูงและเป็นเลิศในหลายๆด้านอย่างมาก
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเรื่องราวของ ประวัติที่มาสุดขลัง “เหรียญรุ่นแรก ปี 2540 เทวดาเล่นดิน” ของหลวงปู่สรวง แห่งวัดไพรพัฒนา เมือง ศรีสะเกษ ” ! ที่ได้นำมาฝากท่านผู้อ่านกันในครั้งนี้ พอจะทำให้คุณคลายความสงสัยในเรื่องของประวัติความเป็นมาของเหรียญหลวงปู่สรวงได้บ้างแล้วใช่ไหมล่ะคะอย่างไรก็ตามพวกเราทีมงานหวังอย่างยิ่งว่าเรื่องราวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณและหวังว่าคุณจะชื่นชอบกันนะคะกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในครั้งต่อไปสำหรับวันนี้ต้องขออนุญาตลากันไปก่อนขอให้คุณโชคดีและขอให้คุณมีความสุขในปีใหม่นี้นะคะ
