สำหรับผู้ที่มักสะสมพระเครื่อง ผู้ที่นิยมพระปิดตาเป็นเดิมอยู่แล้วนั้น เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักพระปิดตาของหลวงปู่ทับแห่ง วัดทองเป็นแน่ และในครั้งนี้เราจะพาคุณมาทราบถึง เปิดตำนาน “พระปิดตามหาอุตม์ หลวงปู่ทับ วัดทอง แห่งบางกอกน้อย” พระเครื่องเลื่องชื่อสุดหายาก ! ซึ่งแน่นอนว่าเราได้รวบรวมข้อมูลของประวัติความเป็นมาของพระปิดตานี้ มาให้คุณได้ทราบกันแบบคร่าวๆ รวมไปถึงจะมาบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ทาบแห่งวัดทองให้คุณได้ทราบกันอีกด้วย ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับเนื้อหาที่น่าสนใจกันได้เลยดังต่อไปนี้
ประวัติของหลวงปู่ทับ วัดทอง จังหวัดกรุงเทพมหานคร
สำหรับพระครูเทพสิทธิเทพาธิบดี หรือที่เราๆมักจะรู้จักกันดีในชื่อของหลวงปู่ทับ แห่งวัดทอง จังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังทางฝั่งบางกอกน้อย ที่เรียกได้ว่าเป็นผู้สร้างพระปิดตารุ่นตำนานกันเลยทีเดียว
หลวงปู่ทับนั้นท่านเกิดในช่วงปีพ.ศ 2390 หากนับระยะเวลาจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้ก็น่าจะเป็นเวลาร้อยกว่าปีเห็นจะได้ ท่านเกิดในวันที่ 15 ค่ำเดือน 7 ซึ่งตรงกับปีมะแมท่านเป็นผู้ที่เกิดวันเสาร์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ที่เกิดวันเสาร์นั้นค่อนข้างเป็นคนหนักแน่นเอาจริงเอาจังและที่สำคัญคือดวงแข็งมาก หลวงปู่ทับนั้นท่านเป็นลูกของคุณพ่อทิมและคุณแม่น้อย ปัทมานนท์ ซึ่งเป็นชาวบางกอกน้อยโดยกำเนิดท่านเกิดอยู่ที่บ้านคลองชักพระ ที่เราหลายคนมักจะเรียกกันว่าฝั่งธน ในปัจจุบัน
เมื่อหนูพูดทับท่านอายุได้ประมาณ 17 ปีคุณพ่อของท่านก็ได้นำท่านไปฝากไว้กับท่านพระปลัดแก้ว ซึ่งในขณะนั้นท่านได้ประจำอยู่ที่วัดทองและดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส ณ วัดแห่งนี้ ถัดมาเมื่อหนูกูทักท่านได้อายุประมาณ 18 ปีก็ได้เข้าพิธีบรรพชาบวชเป็นสามเณร ซึ่งท่านได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนที่สำนักอีกทั้งยังได้มีโอกาสศึกษาและเรียนวิชาต่างๆกับพระครูประสิทธิสุตคุณ และ พระอาจารย์พรมน้อย อยู่ที่วัดอัมรินทร์
ตอบมาในช่วงปีพ.ศ 2411 หลวงปู่ท่านก็ได้อุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งได้อุปสมบทอยู่ ณ วัดช่างเหล็กแห่งย่านบางกอกน้อย ซึ่งพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับท่านก็คือพระอธิการม่วงแห่งวัดตลิ่งชัน และพระคู่สวด คือพระอาจารย์พึ่ง แห่งวัดรวกกับพระปลัดแก้ว แห่งวัดทอง และได้รับฉายาทางธรรมว่า “อินทโชติ” และในนามนี้ที่ทำให้เรารู้จักท่าน รับเป็นที่มาของการเรียกท่านว่า “หลวงปู่ทับ วัดทอง อินทรโชติ”
เมื่อบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้วท่านก็ได้มาจำพรรษาอยู่ ณ วัดทอง และนั่นคือโอกาสที่ทำให้ท่านได้มีโอกาสร่ำเรียนและศึกษาทางด้านพุทธาคม ไสยศาสตร์ รวมไปถึงวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งพระอุปัชฌาย์ม่วง แห่งวัดตลิ่งชัน เป็นผู้ถ่ายทอดให้ หลวงปู่ทับท่านมีความตั้งอกตั้งใจเรียนและใฝ่รู้ใฝ่เรียนอย่างมากซึ่งท่านเรียนจนกระทั่งสำเร็จวิชาอย่างแตกฉาน อีกทั้งท่านยังได้มีโอกาสไปศึกษาร่ำเรียนที่สำนักแห่งอื่น เนื่องจากโดยส่วนตัวแล้วหลวงปู่ทับท่านเป็นผู้ที่มักจะแสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทราบว่าที่ใดมีพระอาจารย์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเรื่องลือ ท่านก็มักจะตามไปขอความรู้และขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์อยู่ตลอด แม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากเพียงใดท่านก็จะมานะและดั้นด้นไปหาพระอาจารย์ของท่านในทุกๆที่เพื่อศึกษาหาความรู้อย่างนี้เคยย่อท้อหรือสิ้นหวังใดๆ
ถัดมาหลวงปู่ท่านก็ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดทอง ซึ่งเมื่อได้รับตำแหน่งแล้วท่านก็จัดการบูรณะปฏิสังขรณ์ในส่วนที่ชำรุดทรุดโทรมให้กลับมาใช้งานได้ อีกทั้งยังนำพาวัดไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและเรียกได้ว่าค่อนข้างเป็นที่รู้จักในยุคนั้นอย่างมาก อีกทั้งยังมีเหล่าพุทธศาสนิกชนมักจะแวะเวียนมาร่วมทำบุญอยู่อย่างไม่ขาดสาย หลวงปู่ทับท่านมีความรู้ในด้านช่างซึ่งท่านมีความเก่งและชำนาญในด้านซ่อมแซม ท่านเป็นพระที่มีความสามารถในการเป็นได้ทั้งช่างไม้และช่างปูนจึงไม่ใช่เรื่องยากใดหากท่านจะซ่อมแซมสิ่งต่างๆด้วยตนเองและเป็นผู้นำให้กับลูกศิษย์ลูกหา
จากนั้นเมื่อเหล่าบรรดาชาวบ้านที่ได้พบเห็นว่าหลวงปู่ทับท่านเป็นพระนักพัฒนาเช่นนั้นก็ยิ่งเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่ อีกทั้งยังร่วมด้วยช่วยกันซ่อมแซมสิ่งต่างๆ รวมถึงทำนุบำรุงวัดและบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างสิ่งต่างๆ นอกจากนี้หลวงปู่ทับท่านยังได้สร้างพระปิดตาเนื้อโลหะเพื่อนำมามอบให้กับญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหาที่มาช่วยกันบูรณะปฏิสังขรณ์วัดในครั้งนั้น ซึ่งพระปิดตารุ่นนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นรุ่นรับงานที่ทำให้ใครหลายคนถามถึงอยู่เสมอ ในขณะที่หลวงปู่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นเรียกได้ว่าท่านได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้อย่างมากมายและได้อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงในช่วงบั้นปลายของชีวิตนั้นหลวงปู่ท่านอาพาธ และได้มรณภาพลงในช่วงปี 2455 ซึ่งรวมสิริอายุได้ประมาณ 66 ปีและครองพรรษาได้นานถึง 45 พรรษา
พระปิดตามหาอุตม์ หลวงปู่ทับ วัดทอง บางกอกน้อย จังหวัดกรุงเทพมหานคร
สำหรับพระปิดตารุ่นนี้เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่คงไม่มีใครไม่รู้จักถึงชื่อเสียงเรียงนามที่ถูกเล่าขานต่อๆกันมาอย่างไม่เคยลดละ ซึ่งเป็นพระปิดตาที่ถูกสร้างขึ้นโดยหลวงปู่ทับเป็นผู้สร้างตั้งแต่ในช่วงยุคปีพ.ศ 2442 ไปจนถึงปี พ.ศ 2453 ซึ่งมีหลายเนื้ออันได้แก่เนื้อชินตะกั่ว , เนื้อเมฆพัตร, เนื้อผงคลุกรัก,เนื้อสัมฤทธิ์เงิน,เนื้อแร่บางไผ่ , เนื้อผงใบลาน , และเนื้อสัมฤทธิ์แบบขันลงหิน ซึ่งเรียกได้ว่าแต่ละเนื้อนั้นล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ค่อนข้างเป็นเนื้อหาในการสร้างพระที่หาพบได้น้อยและเป็นพระปิดตาในรูปแบบของหลวงปู่ทับอย่างแท้จริง
สำหรับเนื้อแร่บางไผ่นั้นท่านได้มาจากหลวงปู่จันทร์แห่งวัดโมลี ซึ่งหลวงปู่จันทร์นั้นท่านคือต้นฉบับในการสร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ที่เรียกได้ว่าระดับตำนานกันเลยทีเดียว แต่สำหรับพระปิดตาของหลวงปู่ทับที่ค่อนข้างได้รับความนิยมสูงมากที่สุดก็คือเนื้อสำริดเงิน ซึ่งจะสังเกตได้ว่าภายนอกขององค์พระปิดตารุ่นนี้นั้นจะมีลักษณะเป็นวรรณะสีแดงปนทองซึ่งมีความคล้ายกับสีนาคอย่างมาก แต่เพื่อความแน่ใจโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะต้องใช้แว่นขยายในการส่องเพื่อดูเนื้อหาที่ชัดเจนและละเอียดเพิ่มเติม หากต๋องเข้าไปยังในเนื้อพระคุณจะสังเกตได้ว่าภายในจะมีเกร็ดเป็นสีทองมีความแวววาวอย่างมากและแพรวพราวทั่วทั้งองค์พระ
บริเวณซอกและความลึกขององค์พระจะมีประกายของผิวที่เป็นสีทองและมีการรวมตัวของปรอทจับอยู่อย่างเป็นประกายเรียกได้ว่าเป็นพระที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ทางพุทธศิลปะอย่างงดงามไม่น้อย แน่นอนว่ามีความปราณีตในการสร้างตามฉบับของหลวงปู่ทับอย่างแท้จริง ในปัจจุบันนั้นมักมีผู้ถามถึงและต้องการมีไว้ในบูชาครอบครองอยู่เสมอ หากแต่ไม่ได้หาชมกันได้ง่ายๆ และองค์แท้ก็มีราคาที่สูงมากเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามพวกเราทีมงานได้นำภาพตัวอย่างมาให้คุณได้ชมกันทางด้านบนกันนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แล้วกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไปนะคะ สำหรับวันนี้พวกเราทีมงานต้องขอฝากเรื่องราว เปิดตำนาน “พระปิดตามหาอุตม์ หลวงปู่ทับ วัดทอง แห่งบางกอกน้อย” พระเครื่องเลื่องชื่อสุดหายาก ! กันไว้แต่เพียงเท่านี้ และหวังอย่างยิ่งว่าคุณจะชื่นชอบเนื้อหาสาระที่เรานำมาเสนอ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้อย่างสูง ขอบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองท่านและขอให้ท่านร่ำรวยเงินทองโชคดีตลอดปีตลอดไป slothub888s