หากมีใครเอ่ยถึงเจ้าตำรับแห่งการตอกเส้นวาสนาและ ว่าวจุฬายกดวง แน่นอนว่าใครหลายคนย่อมคิดถึงหลวงปู่ลองแห่งวัดวิเวกวายุพัดขึ้นมาทันที จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ครั้งนี้เราจะพาคุณไป ส่องประวัติความเป็นมาสุดยอดพระเกจิอาจารย์ เจ้าตำรับเหรียญต่อเส้นวาสนา “หลวงปู่ลอง สิริธโร ” วัดวิเวกวายุพัด ! ซึ่งแน่นอนว่าในครั้งนี้เราจะพาคุณไปทราบถึงประวัติคร่าวๆของหลวงปู่ลอง และเชื่อว่าใครหลายคนอาจยังไม่เคยทราบว่าท่านคือหลานแท้ๆของหลวงปู่พริ้งแห่งวัดบางปะกอก ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังย่านฝั่งธนฯในช่วงยุคสงครามอินโดจีนอีกหนึ่งท่าน ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจพร้อมๆกันได้เลยดังต่อไปนี้
ประวัติ “หลวงปู่ลอง สิริธโร” วัดวิเวกวายุพัด
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำหรับหลวงปู่ลองนั้นท่านเป็นทั้งลูกศิษย์และเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่พริ้งแห่งวัดบางปะกอก ซึ่งหลวงปู่พริ้งนั้นท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในช่วงยุคสมัยสงครามอินโดจีน ที่เรียกได้ว่าเป็นที่พึ่งทางใจของเราบรรดาประชาชนที่กำลังเผชิญกับภาวะสงครามในช่วงนั้นอย่างมาก
สำหรับหลวงปู่ลอง สิริธโรนั้น ชื่อเดิมของท่านคือนายประลอง วรรณสว่าง ท่านเกิดในช่วงปีพ.ศ 2474 ซึ่งตรงกับปีมะแมในวันที่ 11 กันยายนเดิมทีท่านเป็นชาวบางปะกอกซึ่งอยู่ในเขตราษฎร์บูรณะ ของจังหวัดกรุงเทพมหานครในปัจจุบันแต่ครั้งในอดีตเป็นจังหวัดธนบุรี ครอบครัวของหลวงปู่ลองนั้นเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างฐานะดีซึ่งมีอาชีพทำนา แต่เดิมแล้วครอบครัวของท่านค่อนข้างมีความผูกพันและศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมาก เนื่องจากหลวงปู่พริ้ง อินทโชตินั้นค่อนข้างเอ็นดูท่านเป็นพิเศษ และมักจะคลุกคลีอยู่กับหลวงปู่พริ้งจนได้มีโอกาสบวชเรียนตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก เนื่องจากหลวงปู่ลองนั้นมีศักดิ์เป็นหลานของหลวงปู่พริ้ง ตามที่เราได้เล่าให้ฟังกันไปตั้งแต่เบื้องต้น หลวงปู่ลองท่านจึงถูกฝังให้อยู่ในศีลธรรมตั้งแต่ยังเยาว์
เมื่อเติบโตมาหลวงปู่ลองท่านก็ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนทางด้านภาษาไทยและภาษาบาลีจนมีความแตกชั้น อีกทั้งยังได้ฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่เสมอ และมีความชอบทางด้านวิทยาคมรวมถึงมีความสนใจในเรื่องของวิปัสสนากรรมฐานเป็นเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้มีโอกาสเล่าเรียนท่านจึงมีความพยายามและจริงจังกับการศึกษาทางด้านนี้อย่างมาก นอกจากนี้หลวงปู่พริ้งยังได้ถ่ายทอดวิชาทางด้านวิทยาคมให้กับหลวงปู่ลองอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
หลวงปู่ลองมักจะออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อแสวงหาความเงียบสงบและปฏิบัติ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ใฝ่เรียนใฝ่รู้และมักจะแสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ครั้งหนึ่งท่านได้มีโอกาสพบกับหลวงพ่อโอภาสี อาศรม บางมด เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์และได้ศึกษาเล่าเรียนกับหลวงพ่อท่านจนสามารถปฏิบัติได้จริงถัดมาในเวลาไม่นานท่านก็ได้ลาสิกขา เพื่อทำหน้าที่รับใช้ชาติเพื่อสึกออกมาเป็นทหารซึ่งในขณะนั้นตรงกับยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี ถัดมาในช่วงปีพ.ศ 2510 หลวงปู่ลองท่านก็ได้กลับมาบวชอีกครั้งที่วัดบางปะกอกซึ่งในขณะนั้นพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับท่านก็คือพระครูโอภาสศีลคุณ แห่งวัดบางปะกอก ส่วนพระผู้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ให้กับท่านก็คือพระครูวินัยธรทองใบ และสำหรับพระผู้เป็นพระอนุสาวนาจารย์ให้กับท่านก็คือพระอาจารย์แขม จึงฉายาทั้งๆที่ท่านได้รับก็คือ “สิริธโร” และน้ำนี้ที่ทำให้เราได้รู้จักท่านในนามของหลวงปู่ลอง สิริธโร นั่นเอง
นอกจากหลวงปู่ลองท่านจะมีความรู้ทางด้านการปฏิบัติและวิปัสสนากรรมฐานแล้วท่านยังมีความรอบรู้ทางด้านวิชาแพทย์แผนโบราณอีกด้วยซึ่งท่านก็ได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาทางด้านนี้ไปช่วยชาวบ้านในสมัยนั้น และมักช่วยเหลือผู้คนตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ โดยนิสัยของท่านนั้น ท่านเป็นพระผู้มีเมตตาต่อผู้คนและสัตว์อย่างมาก แต่ก็มักจะออกเดินธุดงค์ ไปตามสถานที่ต่างๆอยู่เสมอซึ่งท่านจะไม่ค่อยอยู่ติดวัดมากนัก จะได้กลับมาจำวัดก็ในยามที่เข้าพรรษา แต่ก็ไม่ได้ปักหมุดที่จะอยู่ที่ใดประจำนานนัก จนกระทั่งมีผู้มันนิมนต์ให้ท่านจำพรรษาอยู่ ณ วัดวิเวกวายุพัด ที่จังหวัดงานนครศรีอยุธยา ซึ่งปัจจุบันยังคงตั้งอยู่ในอำเภอบางปะอิน ซึ่งในขณะนั้นเรียกได้ว่าเป็นวัดที่ค่อนข้างมีความสงบอย่างมากเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม
วัตถุมงคลหลวงปู่ลอง แห่ง วัดวิเวกวายุพัด
ต่อมาเมื่อคราวที่วัดวิเวกายุพัดแห่งนี้ได้ปรากฏว่ามีความทรุดโทรมลงไปอย่างมากจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลวงปู่ท่านได้หันมาจัดสร้างวัตถุมงคลต่างๆ เพื่อนำเงินที่ผู้คนร่วมบริจาคสำหรับทำบุญมา บูรณะพัฒนาวัดให้ดียิ่งขึ้น และซ่อมแซมในส่วนที่ทรุดโทรมลงไปให้สามารถกลับมาใช้งานได้ สำหรับวัตถุมงคลที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากและเรียกได้ว่าหลวงปู่ลองนั้นเป็นเจ้าตำรับก็คือเหรียญต่อเส้นวาสนา ซึ่งหลวงปู่ลองท่านเคยได้ให้ความรู้แก่ญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหาเอาไว้ว่า ลายมือของคนเรานั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลาอยู่ตลอด
ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ชีวิตมีจังหวะขึ้นและมีจังหวะลงอยู่เสมอ และเป็นที่ทราบกันดีว่าหลวงปู่ลองนั้นท่านเป็นพระผู้มีวิชาความรู้อย่างมากมายและท่านก็ได้นำความรู้ที่ท่านมีมาประยุกต์ใช้ในการสร้างวัตถุมงคลนี้ขึ้น ตามความเชื่อสำหรับใครที่ได้ครอบครองวัตถุมงคลนี้ก็จะช่วยส่งเสริมทำให้ลายมือของคนเรานั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งจะรับแต่ความเป็นมงคลอยู่ตลอดเวลา และ อีกหนึ่งวัตถุมงคลที่ค่อนข้างได้รับความนิยมจากบรรดาหนุ่มๆในยุคนั้นมากก็คือตะกรุดเมียมาก ซึ่งมีเรื่องเล่าขานต่อๆกันมาว่าผู้ที่บูชาครอบครองนั้นสามารถเอาไปใช้แล้วเกิดผลจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อโปรดเชื่อได้ตามวิจารณญาณของท่าน
นอกจากนี้ว่าวจุฬายกดวงยังถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลที่ เรียกได้ว่าเมื่อใครพูดถึงวัตถุมงคลนี้แล้วก็มักจะนึกถึงชื่อของหลวงปู่ลองขึ้นมาเป็นอันดับแรกกันเลยทีเดียว สำหรับวัตถุมงคลชนิดนี้ท่านได้สืบทอดวิชาความรู้มาจากหลวงปู่พริ้งแห่งวัดบางปะกอก ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่ใช้ว่าวจุฬา มาทำการสร้างเพื่อเสริมดวงยกดวงไม่ให้ผู้คนนั้นๆตกต่ำ และมีความเชื่อว่าหากใครมีไว้ในบูชาครอบครองก็จะชนะหมดทุกสิ่งไม่ว่าจะเรื่องหน้าที่การงานเรื่องเงินหรือเรื่องใดๆก็ตาม เนื่องจากว่าวจุฬานั้นเป็นว่าวที่เมื่อขึ้นฟ้าแล้วจะไม่มีวันตก
อีกทั้งยังมีความเชื่อกันว่าเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลที่ช่วยส่งเสริมเรื่องโชคลาภหน้าที่การงานรวมไปถึงอำนาจบารมีให้กับผู้ครอบครองหากใครมีไว้ในบูชาก็จะช่วยทำให้การค้าค้ำคูณเจริญรุ่งเรือง เมื่อเป็นข้าราชการก็จะได้เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เมื่อสอบแข่งขันใดๆก็จะประสบความสำเร็จ และที่สำคัญคือปกปักรักษาเจ้าของให้แคล้วคลาดปลอดภัย สำเร็จทุกสิ่งทุกประการดั่งใจหวัง จึงไม่น่าแปลกใจที่ว่าทำไมในปัจจุบัน จะมีแต่ผู้ถามหาเหรียญนี้กันแต่อย่างมากและที่สำคัญคือมูลค่าราคาในการเล่นหานั้นสูงเหลือเกิน
นอกจากนี้หลวงปู่ลองท่านยังเคยมีฉายาที่ผู้คนตั้งให้ว่า “เสือบางปะอิน” ซึ่งที่มานั้นมาจากคำเรียกของหลวงปู่มี แห่งวัดมารวิชัย
แล้วกลับมาก็กลับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไปนะคะ สำหรับวันนี้พวกเราทีมงานเรื่องราว องประวัติความเป็นมาสุดยอดพระเกจิอาจารย์ เจ้าตำรับเหรียญต่อเส้นวาสนา “หลวงปู่ลอง สิริธโร ” วัดวิเวกวายุพัด ! นี้ จะทำให้ท่านชื่นชอบและถูกใจไม่น้อย ก่อนจากกันในครั้งนี้ขอบารมีคุณพระศรีรัตนตรัยปกปักรักษาคุ้มครองทุกท่านให้มีความร่มเย็นเป็นสุข แล้วพบกันในบทความครั้งต่อไปสวัสดีค่ะ