สำหรับเมืองเก่าอย่างจังหวัดสิงห์บุรีเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ทั้งหลายยุคหลายสมัย ซึ่งมีตั้งแต่ยุคทราวดี, สุโขทัย, ลพบุรี มาจนถึงยุคอยุธยา และแน่นอนว่าเมืองเก่าอย่างสิงห์บุรีจะไม่มีพระเครื่องเก่าแก่ได้อย่างไร ในครั้งนี้เราจะพาคุณมารู้จัก สุดยอด 3 พระเครื่องเนื้อชินล้ำค่า ที่หายากจากยุคเก่า แห่งเมืองสิงห์บุรี ! ซึ่งพวกเราทีมงานได้รวบรวมสุดยอดพระเครื่องเนื้อชินจากยุคเก่าแห่งเมืองสิงห์บุรีมาฝากคุณกันไว้ที่นี่ สำหรับแฟนๆที่ชื่นชอบพระเครื่องเก่าแก่ต้องไม่ควรพลาด เพราะในวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกันถึง 3 พระเครื่องกันเลยทีเดียว เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับสิ่งที่น่าสนใจพร้อมๆกันได้เลยดังต่อไปนี้
จังหวัดสิงห์บุรีเมืองเก่าที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ในปัจจุบันจังหวัดสิงห์บุรียังคงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่ใครหลายคนมักจะแวะสักการะ ไหว้พระขอพรกันในวันหยุดอยู่เสมอ เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางภาคกลางของประเทศไทย ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดเก่าแก่ที่มีมาอย่างยาวนาน และแน่นอนว่ามีมาตั้งแต่สมัยยุคทราวดีลพบุรีสุโขทัยยาวนานมาจนถึงยุคกรุงศรีอยุธยา หลังจากที่ได้มีการสร้างเมืองหลวงขึ้นใหม่แล้ว ยังได้ขุดพบโบราณวัตถุอีกมากมายที่มีตั้งแต่ในยุคสมัยโบราณ จนมีหลักฐานที่เด่นชัดว่าแหล่งผู้คนในย่านนี้อาศัยติดต่อกันมาหลายยุคหลายสมัยและมีมาตั้งแต่ยุคโบราณจริงๆ
สำหรับตัวเมืองดั้งเดิมของจังหวัดสิงห์บุรีนั้นจะตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง ณ ตำบลจักรสีห์ หรือจุดสังเกตง่ายๆเราจะเห็นว่าอยู่ใกล้กับวัดหน้าพระธาตุ นอกจากนี้ยังมีซากปรักหักพังของหมู่บ้านเก่าแก่ ให้คนรุ่นหลังได้เห็นมาจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งผู้คนในจังหวัดสิงห์บุรีมักจะเรียกบริเวณนี้กันว่า “บ้านหน้าพระลาน” โดยมีความเชื่อที่ถูกเล่าต่อๆกันมาว่า พระโอรสของเจ้าพรหมที่มีนามว่าพระเจ้าไกรสรนั้นเป็นผู้ครองเมืองฝางหรือจังหวัดชัยนาทในปัจจุบัน ส่งได้โปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเอาไว้ตั้งแต่ในช่วงปีพ.ศ 1650 นอกจากนี้จังหวัดสิงห์บุรียังมีรายชื่อที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของสมัยกรุงสุโขทัยด้วยว่าเป็นเมืองหน้าด่าน ซึ่งเรียกได้ว่าค่อนข้างสำคัญมากในสมัยแผ่นดินพระร่วง
อีกทั้งยังมีโบราณวัตถุมากมายไม่ว่าจะเป็นเทวรูปพระพุทธรูปรวมไปถึงพระเครื่องที่เราจะนำมาเล่าให้ท่านได้ทราบกันในวันนี้ และมีชื่อเสียงเรื่องลืออย่างมากว่าพระเครื่องแห่งเมืองสิงห์บุรีนั้นค่อนข้างมีพุทธคุณที่เป็นเลิศแบบสุดๆอีกทั้งยังเป็นพระเครื่องที่ค่อนข้างเป็นที่ใฝ่ฝัน ในแวดวงของผู้นิยมสะสมพระเครื่องอย่างมาก ซึ่งพระเครื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่เราจะนำมาบอกเล่าให้คุณได้ทราบกันในวันนี้มีอยู่ 3 พิมพ์ด้วยกันซึ่งก็คือ 1.พระซุ้มนครโกษา ฐานสูง กรุวัดสว่างอารมณ์ , 2. พระร่วงยืน หลังกาบหมาก กรุวัดศรีโสฬส และ3. พระนาคปรก กรุป่าไม้แดง
พระซุ้มนครโกษา ฐานสูง กรุวัดสว่างอารมณ์
เราจะมาพูดถึงองค์แรกกันซึ่งก็คือ พระซุ้มนครโกษา ฐานสูง กรุวัดสว่างอารมณ์ สำหรับวัดสว่างอารมณ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลของเมืองสิงห์บุรีอยู่ที่ตำบลต้นโพธิ์เป็นวัดเก่าแก่ที่ได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาและถัดมาได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในช่วงปีพ.ศ 2418
จากนั้นถัดมาในช่วงปีพ.ศ 2525 ได้มีการขุดพบโดยหลวงพ่อเรื่องและพุทธศาสนิกชนในแถบนั้น ซึ่งการขุดพบ พระซุ้มนครโกษา ในครั้งนั้นได้ขุดพบด้วยการประมาณ 200 องค์และสภาพที่ปรากฏก็คือยังคงมีสภาพสมบูรณ์อย่างมากโดยส่วนใหญ่อีกทั้งยังมีฐานสูงที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์แห่งยุคอย่างมากสำหรับศิลปะขององค์พระเครื่องที่ขุดพบได้บ่งบอกได้ถึงยุคลพบุรีตอนปลายเนื่องจากเป็นศิลปะในยุคลพบุรี และปรากฏเป็นเนื้อตะกั่วสนิมแดงล้วน โดยส่วนใหญ่นั้นขนาดจะสูงประมาณ 3.5 เซนติเมตรเรียกได้ว่าเป็นขนาดที่กำลังพอเหมาะไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป
ในส่วนของพุทธลักษณะของพระเครื่องพิมพ์นี้ก็คือองค์พระประธานนั้นจะอยู่ในท่าประทับนั่งและแสดงปางสมาธิปรากฏเด่นอย่างชัดเจนกลางองค์ ทางบริเวณด้านบนนั้นจะปรากฏให้เห็นว่ามีซุ้มเรือนแก้วครอบเอาไว้ ถัดมาในบริเวณด้านข้างก็จะมีขีดซึ่งแสดงถึงสัญลักษณ์ของรัศมีที่ปรากฏออกมาอย่างโดดเด่นซึ่งมีลักษณะให้เห็นอยู่บนเหนืออาสนะและอาสนะนั้นมีรูปทรงเป็นฐานบัวเป็นแบบฐานสูง ในส่วนของบริเวณด้านหลังองค์พระมีลักษณะเป็นลายผ้า ปรากฏอยู่เต็มองค์ นอกจากนี้ยังมีคำร่ำลือถึงพุทธคุณว่ามีความเป็นเลิศทางด้านคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาดปลอดภัยอย่างมากซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นอีกหนึ่งพระเครื่องที่ค่อนข้างหายากไปแล้ว แต่ในส่วนของราคาที่เล่นหากันนี้ไม่ทราบอย่างแน่ชัด เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลง
พระร่วงยืน หลังกาบหมาก กรุวัดศรีโสฬส
สำหรับพระเครื่ององค์ที่ 2 ที่เราจะพูดถึงกันต่อไปก็คือ พระร่วงยืน หลังกาบหมาก กรุวัดศรีโสฬส สำหรับพระเครื่องพิมพ์นี้มีศิลปะที่เด่นชัดว่า บ่งบอกถึงศิลปะในยุคลพบุรี ซึ่งเป็นศิลปะเดียวกันกับพระร่วงหลังรางปืนของเมืองสุโขทัย กับอีก 1 พระเครื่องรุ่นพระร่วงหลังลายผ้า ที่ขุดพบขึ้นที่กรุลพบุรี (ซึ่งครั้งนั้นได้มีการแตะกรุและค้นพบเพียงประมาณ 50 องค์เท่านั้นจึงทำให้ค่อนข้างเป็นที่ถามถึงกันอย่างมาก) นอกจากนี้ยังค่อนข้างมีคำร่ำลือถึงพุทธคุณที่ค่อนข้างสูงและเป็นเลิศในด้านคงกระพันชาตรีและเมตตามหานิยมแบบสุดๆ ถือได้ว่าเป็นพระเครื่องที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอย่างมากของเหล่าบรรดาเซียนพระและเหล่าบรรดาผู้นิยมสะสมพระเครื่อง
แต่สำหรับการพบกับ พระร่วงยืน หลังกาบหมาก กรุวัดศรีโสฬส นี้ ไได้ค้นพบจากการแต่กรุตั้งแต่ช่วงสมัยปีพ.ศ 2522 ซึ่งโดยส่วนมากจะพบพระเนื้อตะกั่วสนิมแดงล้วนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งองค์พระที่ค้นพบนั้นค่อนข้างสมบูรณ์และมีปรากฏให้เห็นด้วยกันประมาณ 2 พิมพ์ซึ่งก็คือพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ ในส่วนของบริเวณด้านหลังองค์พระนี้จะเป็นลวดลายกาบหมากด้วยกันทุกองค์ จึงอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจึงเรียกกันว่าพระร่วงยืนหลังกาบหมาก ในช่วงที่แตกกรุใหม่ๆนั้นจะปรากฏคราบของไข่ขาวที่ปกคลุมองค์พระไปทั้งองค์ นอกจากนี้ในส่วนของสนิมเนื้อแดงยังมีสีเข้มมีความงดงามและมีพุทธศิลปะที่สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์แห่งยุคลพบุรีอย่างมาก
พระนาคปรก กรุป่าไม้แดง
และสำหรับพระเครื่องรุ่นที่ 3 ที่เราจะพูดถึงกันก็คือ พระนาคปรก แห่งกรุป่าไม้แดง ซึ่งเป็นการขุดพบที่อำเภอบางระจันตั้งแต่สมัยที่ครั้งกรุแตกในช่วงปีพ.ศ 2500 ซึ่งในครั้งนั้นได้มีการพบเพียงประมาณ 40 องค์เท่านั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ค่อนข้างหายากอย่างมาก สำหรับเนื้อมวลสารที่ได้พบก็คือ เป็นพระเครื่องเนื้อตะกั่วสนิมแดงล้วนเช่นกันทั้งยังมีลักษณะที่บ่งบอกถึงศิลปะในยุคลพบุรี
ในส่วนของพุทธลักษณะนั้นจะปรากฏอย่างเด่นชัดว่าเป็นพระนาคปรก 7 หัว ในส่วนขององค์พระประธานนั้นอยู่ในปางสมาธิและประทับนั่ง ปรากฏเป็นเนื้อตะกั่วสนิมแดงล้วนสีเข้มมีความงดงามอย่างมาก ในส่วนของบริเวณด้านบนของพระเศียรนั้นมีขนนกอีกทั้งยังมีรัดแขนและปรากฏสังคติให้เห็น ใต้ฐานมีบัวรองรับและทางด้านหลังขององค์พระนั้นปรากฏอย่างเด่นชัดว่าเป็นแบบหลังลายผ้า ทั้งยังมีคำร่ำลือทางด้านพุทธคุณกันอย่างเสมอมาว่ามีความเลิศล้ำทางด้านคงกระพันชาตรี อย่างไรก็ตามคุณสามารถชมภาพตัวอย่างได้จากทางด้านบนที่เรานำมาฝากกันได้เลยนะคะ
แล้วกลับมาพบกันใหม่กับบทความในครั้งต่อไป สำหรับวันนี้พวกเราทีมงานต้องขอฝากเรื่องราว สุดยอด 3 พระเครื่องเนื้อชินล้ำค่า ที่หายากจากยุคเก่า แห่งเมืองสิงห์บุรี ! กันไว้แต่เพียงเท่านี้ขอให้คุณโชคดีและมีความสุขไปกับเนื้อหาสาระที่เราได้นำมาบอกเล่ากันค่ะ