หากมีใครถามถึงพระเกจิอาจารย์ของทางฝั่งจังหวัดเชียงใหม่เชื่อว่าใครหลายคนอาจจะนึกถึงหลวงปู่สิม พุทธาจาโรแห่งวัดถ้ำปล่อง ขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆกันอย่างแน่นอน และในครั้งนี้เราจะพาคุณมาทราบถึง ประวัติสุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองเชียงใหม่ “หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง” ! ซึ่งเราจะนำคุณมารู้จักกับประวัติของหลวงปู่สิมกันแบบคร่าวๆ ถึงความเป็นมาของท่านให้คุณได้ทราบ และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจเหล่านี้กันเลยดีกว่า
ประวัติของหลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับพระญาณสิทธาจารย์ หรือที่พวกเราคนรุ่นหลังมักจะเรียกกันว่าหลวงปู่สิมนั้นเดิมทีท่านมีชื่อว่า นายสิม วงเข็มมา ซึ่งท่านเกิดในช่วงปี พ.ศ 2452 ท่านเกิดในวันที่ 26 เดือนพฤศจิกายนซึ่งตรงกับปีระกา เป็นวันขึ้น 14 ค่ำเดือน 12 ช่วงเวลาประมาณ 21:00 น ท่านเป็นชาวจังหวัดสกลนครเกิดที่ตำบลสว่างในอำเภอพรรณาพิสัย ให้เป็นลูกของคุณพ่อศาลกับคุณแม่สิงห์คำ วงเข็มมา และมีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมด 10 คนซึ่งหลวงปู่สิมท่านเป็นบุตรคนที่ 5 ของคุณพ่อกับคุณแม่
สำหรับนามสกุลของหลวงปู่สิมที่มีนามสกุลว่าวงเข็มมานั้นเป็นนามสกุลที่มีความเก่าแก่ของบ้านบัว สำหรับผู้ที่เป็นต้นสกุลนั้นก็คือท่านขุนแก้ว และอีกปัญญา ซึ่งเป็นน้องชายของท่านขุนแก้ว และสำหรับท่านขุนแก้วนั้นก็คือคุณปู่ของหลวงปู่สิมนั่นเอง ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลาที่หลวงปู่สิมท่านเกิด ในขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 1 ทุ่ม คุณแม่ของหลวงปู่สิมท่านกำลังจะหลับ ก็ได้ฝันถึงพระพระสงฆ์ 1 รูปซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีรัศมีอย่างมาก มีผิวกายผุดผ่องและมีแสงสว่างปรากฏรัศมีอันเจิดจ้า ทำให้รู้สึกเย็นใจและสบายตาอย่างบอกไม่ถูก และพระภิกษุสงฆ์ผู้มีรัศมีเปล่งประกายรูปนั้นก็ไหลลงมาจากท้องฟ้า มาอยู่ท่ามกลางทุ่งนาของคุณแม่สิงห์คำ
จากนั้นในเวลาต่อมาคือช่วงเวลาประมาณ 21:00 น คุณแม่สิงห์คำก็ได้ให้กำเนิดลูกชายตัวน้อยๆซึ่งก็คือหลวงปู่สิมนั่นเอง ซึ่งเป็นเด็กชายที่มีผิวกายสะอาดผุดผ่อง จึงทำให้นึกถึงฝันที่คุณแม่ได้นิมิตขึ้นมาก่อนหน้านี้จึงทำให้คุณพ่อของหลวงปู่สิมตั้งชื่อให้กับลูกชายผู้นี้ว่า “เด็กชายสิม” ซึ่งในภาษาอีสานนั้นมีความหมายซึ่งแปลว่าโบสถ์ ซึ่งบ่งบอกถึงความใกล้ชิดที่มีต่อพระพุทธศาสนา และเมื่อเด็กใช้สิมได้เติบโตขึ้น ก็ได้ครองผ้าเหลืองและอยู่ใต้ผ้ากาสาวพัสตร์ บำเพ็ญทำแล้วได้ใช้ชีวิตอย่างขาวสะอาดมาโดยตลอดและเรียกได้ว่าจนชั่วอายุขัยของท่าน
ช่วงวัยรุ่นของหลวงปู่สิม
เมื่อหลวงปู่สิมมีอายุได้ประมาณ 15-16 ปี ท่านก็เกิดความชอบในด้านดนตรี ซึ่งหลวงปู่แว่น ธนปาโล ได้เคยเล่าว่าตัวท่านเองก็เคยเป็นหมอลำมาก่อน ส่วนหลวงปู่สินนั้นเป็นหมอแคน แต่สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจทำให้หลวงปู่สิมเมีความต้องการที่อยากจะบวชก็คือ ความสะดุ้งกลัวต่อความตาย เนื่องด้วยหลวงปู่สิมท่านใดรับข่าวสารเกี่ยวกับคนตาย มันทำให้ในใจเกิดสะดุ้งและกลัวว่าตัวเองจะตายก่อนได้ออกบวชจึงทำให้ท่านอยากบวช และมีความสะดุ้งอยู่ในใจเช่นนี้มาตั้งแต่ในวัยเด็กแล้ว และความกลัวว่าตัวเองจะเสียชีวิตก่อนได้ออกบวชนี้นี่เอง จึงทำให้หลวงปู่สินเฝ้าย้ำเตือนไม่ให้ตัวเองใช้ชีวิตอย่างประมาท และหลวงปู่ท่านก็ได้ทำการกำหนด “มรณํ เม ภวิสฺสติ” ของท่านมาเป็นเวลาช้านานแล้ว
การแสวงหาธรรมของหลวงปู่สิม
ถัดมาเมื่อหลวงปู่สินท่านมีอายุได้ประมาณ 17 ปีก็ได้ขออนุญาตคุณพ่อและคุณแม่ของท่านไปบวชเป็นสามเณร ซึ่งท่านได้บวชที่วัดศรีรัตนารามซึ่งเป็นวัดมหานิกาย อยู่ที่บ้านบัว วันที่ท่านบวชตรงกับปีพ.ศ 2469 เป็นวันที่ 8 กรกฎาคม เป็นวันอาทิตย์แรม 7 ค่ำเดือน 8 และตรงกับปีมะโรง การบวชในครั้งนั้นรับผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับท่านก็คือพระอาจารย์สีทอง และต่อมาเมื่อคณะกองทัพธรรมของหลวงปู่มั่นใดทำการเดินธุดงค์มาจากจังหวัดหนอง ก็ได้มาเผยแผ่ทางธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติให้กับประชาชนในย่านนี้ ซึ่งตอนนั้นท่านได้เดินทางมาถึงที่วัดศรีสงครามซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอศรีสงครามตำบลสามพงษ์ของจังหวัดนครพนม จึงทำให้หลวงปู่สิมท่านได้มีโอกาสไปนั่งฟังธรรมกลับกองทัพธรรมของหลวงปู่มั่นในครั้งนั้น ถึงท่านได้พบกับ ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล , ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม หลวงปู่มั่น จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก ทำให้หลวงปู่สิมตัดสินใจที่จะขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับหลวงปู่มั่น หรือพระอาจารย์มั่น จากนั้นท่านก็ได้ขอญัตติมาเป็นธรรมยุคนิกาย
ซึ่งในยุคนั้นไม่มีโบสถ์ของฝ่ายธรรมยุตติแถบบริเวณนั้นเนื่องจากค่อนข้างมีพระสงฆ์น้อยมากที่จะเป็นฝ่ายธรรมยุติ ดังนั้นจึงประกอบพิธีกรรมที่บดน้ำ เพิ่งทำจากเรือประมาณ 2 ลำจัดทำแบบเป็นโป๊ะให้รอยคู่กัน แล้วก็ได้นำไม้มาปูให้ตึง เป็นพื้นแบบไม่มีหลังคาและใช้การสมมติเอาว่านี่คือโบสถ์ โดยหลวงปู่มั่นเป็นประธานในครั้งนั้น พระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ก็คือเจ้าคุณธรรมเจดีย์หรือหลวงปู่จูม พนฺธุโล งานบวชในครั้งนั้นเกิดขึ้นที่วัดป่าบ้านสามผง และเมื่อทำพิธีบวชและขอยตีมาสู่ธรรมยุคนิกายแล้วหลวงปู่สินท่านก็ได้ติดตามหลวงปู่มั่นไปจำพรรษาอยู่ที่จังหวัดนครพนม ณวัดป่าบ้านข่าซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอบ้านข่าของอำเภออุเทนจังหวัดนครพนมนั่นเอง
ใต้ร่มกาเสาวพักตร์และปฏิปทาของหลวงปู่สิม
เมื่อหลวงปู่สิมท่านมีอายุที่สามารถบวชได้ ท่านก็เข้าพิธีอุปสมบทและบวชอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นณวัดศรีจันทราวาสซึ่งตั้งอยู่ในตำบลพระลับของอำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น ซึ่งตรงกับช่วงปีพ.ศ 2472 และบวชในวันที่ 16 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันขึ้น 10 ค่ำเดือน 8 ตรงกับปีมะเส็งและเป็นวันอังคาร โดยครั้งนั้นพระผู้เป็น พระอุปัชฌาย์ให้กับท่านก็คือ เจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์ (จันทร์ เขมิโย) และมีพระผู้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ให้กับท่านก็คือ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และสำหรับพระผู้เป็นพระอนุสาวนาจารย์ให้กับท่านก็คือ พระปลัดดวงจันทร์ และฉายาทางธรรมที่ท่านได้รับก็คือ “พุทฺธาจาโร” เมื่อได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้วท่านก็มีความเคร่งครัดในการปฏิบัติเหมือนเคยรวมถึงได้ออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ
ครั้งหนึ่งหลวงปู่สิมท่านใดเล่าถึงประสบการณ์ที่ท่านได้มีโอกาสไปอสุภกรรมฐานจากซากศพ ที่มีพระอาจารย์ของท่านซึ่งก็คือพระอาจารย์สิงห์ที่ได้สอนถึงการให้พิจารณา อสุภกรรมฐานจากซากศพ ซึ่งท่านก็ได้พบว่า นี่แหละร่างกายไม่มีใครสวยงามไปใคร ไม่ว่าจะเป็นชายหรือเป็นหญิงก็ให้เข้าใจว่าเป็นอันเดียวกัน และนี่พระพุทธองค์ท่านจึงสอนให้กำหนดอสุภกรรมฐาน ซึ่งในชีวิตสมณะของหลวงปู่สิมนั้น ท่านได้ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เสมอ
และการปฏิบัติรวมไปถึงการไปเยี่ยมป่าช้าหรือเดินธุดงค์นั้นก็ทำให้หลวงปู่สิมท่านได้มีโอกาสพบกับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และได้มีโอกาสพบกับพระกรรมฐานองค์อื่นๆอีกมากมายซึ่งได้แก่หลวงปู่อ่อนญาณสิริ , หลวงปู่เทศก์ เทสฺรํสี, ท่านพ่อลี ธมฺมธโร, หลวงปู่ขาว อนาลโย ,ท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ,หลวงปู่ฝั้น อาจาโร และพระรูปอื่นอีกมากมาย
สำหรับวันนี้พวกเราทีมงานต้องขอฝากเรื่องราว ประวัติสุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองเชียงใหม่ “หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง” ! กันว่าแต่เพียงเท่านี้แล้วพบกันใหม่ กับ ep.2 ในครั้งต่อไปนะคะสวัสดีค่ะ