สำหรับสัปดาห์นี้เรายังคงอยู่กันทางฝั่งอีสานใต้ และในวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ ประวัติสุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองสุรินทร์ “หลวงปู่ดูลย์ อตุโล แห่งวัดบูรพาราม”! กันบ้างซึ่งแน่นอนว่าหลวงปู่ดูลย์นั้น ท่านเป็น พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองสุรินทร์ เป็นพระภิกษุฝ่ายวิปัสสนาธุระผู้และท่านคือศิษย์รุ่นแรกของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ใครหลายคนอาจรู้จักกันดี และในครั้งนี้เราจะบอกมาเล่าถึงประวัติความเป็นมาของท่าน ให้ท่านผู้อ่านที่ชื่นชอบพระเครื่องได้ทราบ ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจกันได้เลยดังต่อไปนี้
ประวัติความเป็นมา “หลวงปู่ดูลย์ อตุโล”
แห่งวัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์
สำหรับประวัติความเป็นมาของหลวงพระราชวุฒาจารย์ หรือที่เรารู้จักกันดีในนามหลวงปู่ดูลย์ อตุโล นั้น ท่านเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์โดยกำเนิดเกิด ณ บ้านปราสาท ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลฉเนียงของจังหวัดสุรินทร์ ท่านเกิดในช่วงปีพ.ศ. 2431 ซึ่งตรงกับวันที่สี่ตุลาคมเป็นแรมสองค่ำเดือน 11 และตรงกับปีชวด และตรงกับช่วงยุคสมัยของรัชกาลที่ห้า
ท่านเป็นบุตรของนายแดงและนางเงินนามสกุล “ดีมาก” ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดารวมกันห้าคน พี่สาวของท่านคนแรกชื่อกลิ้ง และหลวงปู่เป็นบุตรคนที่สองของบิดามารดา น้องชายคนที่สามของท่านชื่อเกลและน้องสาวคนที่สี่ของท่านชื่อรัตน์ และน้องคนสุดท้องของท่านชื่อทอง เป็นพี่น้องของท่านทั้งหมดได้ถึงแก่กรรมตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 70 ปี แต่หลวงปู่ดูลย์เป็นเพียงคนเดียวในครอบครัวเท่านั้นที่มีอายุยืนนานซึ่งท่านมีอายุถึง 96 ปี
ในช่วงปีพ.ศ. 2453 หลวงปู่ดูลย์ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท อยู่ ณ วัดจุมพลสุทธาวาส ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองของจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับท่านในครั้งนั้นก็คือพระครูวิมลศีลพรต และได้รับฉายาว่า “อตุโล” ซึ่งมีความหมายว่าผู้ที่ไม่มีใครเทียบได้
เมื่อได้บวชแล้วหลวงปู่ดูลเป็นผู้มีความเคร่งครัดต่อการปฎิบัติอย่างมาก อีกทั้งยังมีความวิริยะอุตสาหะศึกษาในพระธรรมอย่างจริงจัง จนยังเข้าพรรษาที่หก หลวงปู่ท่านได้สนใจและเริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม ฉันศึกษาอยู่ ณ วัดสุปัฏนารามซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานีอีกทั้งยังมีความสามารถในการสอบนักธรรมชั้นตรีได้ ซึ่งเป็นรุ่นแรกในจังหวัดอุบลราชธานี และนอกจากนี้ท่านยังได้มีความสามารถในการแปลพระธรรมบท เนื่องจากท่านได้ศึกษาในเรื่องของภาษาบาลีไวยากรณ์หรือที่เรียกกันว่ามูลกัจจายน์
ซึ่งต้องขออธิบายถึงวัดสุปัฏนารามแห่งนี้เสียก่อนว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดฝ่ายธรรมยุตินิกาย ซึ่งก่อนหน้านี้หลวงปู่ไม่ได้เป็นพระสงฆ์ในสังกัดนิกายนี้ แต่ต่อมาในช่วงปี 2461 หลวงปู่ดูลก็ได้ขอญัตติและเป็นพระฝ่ายธรรมยุตินิกายในที่สุด โดยพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านก็คือพระมหารัฐ ณ วัดสุปัฏนาราม ในจังหวัดอุบลราชธานีนั่นเอง ต่อมาอีกหลายปีท่านก็ได้มีโอกาสพบกับหลวงปู่มั่น หรือที่ใครมักจะรู้จักกันดีในชื่อพระอาจารย์มั่นภูริทัตโต จากที่ท่านได้ฟังเทศน์ฟังธรรมจากหลวงปู่มั่นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก็ทำให้เกิดความอัศจรรย์ขึ้นภายในจิตใจ จากนั้นท่านก็หยุดศึกษาทางเรื่องของพระปริยัติแล้วมุ่งหน้าสู่การเดินธุดงค์ไปกลับหลวงปู่มั่นซึ่งท่านเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆหลากหลายแห่งทั่วภาคอีสาน จึงทำให้ผู้พบเห็นทราบกันดีว่าหลวงปู่ดูลย์ท่านคือศิษย์ของหลวงปู่มั่นตั้งแต่ในยุคแรก
อุปนิสัยส่วนตัวของหลวงปู่ดุลย์นั้นท่านเป็นผู้ที่มีน้ำเสียงทุ้มใหญ่ อยู่นาที่พูดก็มักจะพูดตรงไปตรงมาพูดสั้นๆ พูดน้อยและเป็นคนพูดจริง ปราศจากเลสนัยในคำพูด ไม่พูดอ้อมค้อมไม่พูดปลอบโยนไม่พูดนินทา ไม่พูดขอร้อง ไม่พูดขอโทษ ไม่พูดถึงความฝัน ไม่พูดประชดประชัน และไม่พูดถึงนิทานปรัมปราหรือนิทานตลกอะไรทำนองนั้น หรือจะเรียกได้ว่าท่านเป็นคนเฉยๆที่ไม่ค่อยพูดเลยก็ว่าได้ แต่ท่านจะมุ่งเน้นในการปฏิบัติเสียงส่วนมาก
และท่านเป็นผู้ที่ค่อนข้างสงบและเยือกเย็นมีความอดทนไม่เคยแสดงอาการหงุดหงิดรำคาญหรือฮึดฮัดใดๆ เผื่อท่านคิดสิ่งใดหรือมีสัจจะกับสิ่งใดก็จะทำให้สำเร็จรุร่วง เป็นพระผู้ที่ไม่แสวงหาทองเอาไว้สั่งสงไม่หลังไหลไปตามเหตุการณ์ต่างๆ คำสั่งสอนของท่านที่ผู้คนมักจะจำขึ้นใจเลยก็คือ “อย่าทุกข์โศกเพราะสภาวะนั้นเป็นเหตุ” และ “ให้เข้าใจกับสภาวะธรรมอย่างชัดแจ้ง”
หลวงปู่ดูลย์ และ วัดบูรพารามจังหวัดสุรินทร์
ครั้นในเวลาต่อมาเจ้าคณะมณฑลของจังหวัดนครราชสีมาหรือเมืองโคราช ได้ขอให้หลวงปู่ดุลย์ กลับไปยังจังหวัดสุรินทร์เพื่อช่วยบูรณะวัดบูรพาราม หลวงปู่ดูลจึงตัดสินใจที่จะหยุดกิจในการออกเดินธุดงค์และกลับมาบูรณะวัดบูรพาราม ตามที่ได้รับมอบหมาย และมุ่งหน้าสู่จังหวัดสุรินทร์เพื่อทำสิ่งนี้โดยอุทิศชีวิตของท่านเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และนอกจากนี้ท่านยังเป็นพระผู้มีเมตตาทำสูงมักชอบช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากจน
ทำให้ชาวบ้านและพุทธศาสนิกชนต่างเคารพเลื่อมใสและมีความศรัทธาต่อหลวงปู่ดุลอย่างมาก อีกทั้งยังยกย่องว่าท่านคือพระอริยสงฆ์ที่หาได้ยากยิ่ง หลวงปู่ดูรเป็นพระผู้ปฏิบัติที่มีจริยวัฒน์อันงดงาม และมีความเคร่งครัดต่อการปฎิบัติอย่างยิ่ง มีความใฝ่รู้เกี่ยวกับพระธรรมอยู่เสมอ อีกทั้งท่านยังมีคำสอนที่ดีให้กับลูกศิษย์ลูกหา อีกทั้งลูกศิษย์ของท่านก็ได้เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังไปหลายท่าน
หลวงปู่ดุลย์มรณภาพในช่วงปีพ.ศ. 2526 ซึ่งท่านจากไปด้วยอาการสงบในวันที่ 30 ตุลาคมซึ่งรวมสิริอายุของท่านได้ 96 ปี กับ 26 วัน และท่านสามารถครองพรรษาได้ยาวนานถึง 74 พรรษา และถึงแม้ว่าหลวงปู่ดุลย์นั้นจะจากไปหลาย 10 ปีแล้วแต่ในปัจจุบันยังคงมีผู้ที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสในท่านละลึกถึงอยู่เสมออย่างไม่เสื่อมคลาย
ที่มาเหรียญหลวงปู่ดุลย์ รุ่นแรกปี 2508
สำหรับเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ดุลย์รุ่นแรกนั้นได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปีพ.ศ. 2508 ซึ่งทำการสร้างโดยคณะศิษย์ของท่านเพื่อสร้างถวาย สำหรับให้ไว้เป็นที่ระลึกในการสร้างมณฑปของหลวงพ่อพระซีว์ สำหรับหลวงพ่อพระซีว์นั้น ก็คือหลวงพ่อประจีซึ่งเป็นพระพุทธรูป ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดสุรินทร์และอยู่มาตั้งแต่ครั้งสร้างเมือง ซึ่งมีการสันนิษฐานว่ามีอายุกว่า 200 ปี และคาดน่าจะว่าประดิษฐานอยู่คู่กับวัดบูรพารามเพื่อเป็นมิ่งขวัญมาตั้งแต่ในครั้งที่สร้างพระอาราม
อันมีลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่ แบบมีห่วง ซึ่งในครั้งนั้นได้ถูกจัดสร้างขึ้นประมาณ 1000 เหรียญ พุทธลักษณะของด้านหน้าเหรียญนั้นจะสังเกตได้ชัดว่าเป็นรูปหน้าเหมือนของหลวงปู่ดูลย์ และมีอักษรภาษาไทยจารึกเอาไว้ซึ่งระบุคำว่า “อตุโล” ในส่วนบริเวณด้านล่างนั้นได้จารึกอักษรภาษาไทยที่ระบุคำว่า “พระรัตนากรวิสุทธิ์ หลวงพ่อดูน”
ส่วนพุทธะลักษณะของด้านหลังเหรียญนั้นจะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเหรียญตัดขอบ ซึ่งตรงกลางนั้นจะระบุอักษรภาษาไทยคำว่า “คณะศิษย์สร้างถวายเป็นที่ระฤก ในคราวสร้างมณฑปหลวงพ่อพระชีว์ วัดบูรพาราม สุรินทร์ พ.ศ.๒๕๐๘” เอาไว้ ซึ่งการระบุอักษรทางด้านหลังเหรียญนั้นนับรวมได้ว่ามีอยู่หกบรรทัด ซึ่งเราสามารถสังเกตลักษณะเด่นได้ดังนี้และสามารถชมภาพประกอบด้วยจากทางด้านบน เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 เหรียญที่ค่อนข้างมีแต่คนตามหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเหล่าบรรดานักสะสม
ได้พาคุณมาทราบถึงเรื่องราวของ ประวัติสุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองสุรินทร์ “หลวงปู่ดูลย์ อตุโล แห่งวัดบูรพาราม”! กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเราหวังอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านจะชื่นชอบกับเนื้อหาสาระในครั้งนี้กันนะคะ แล้วกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไปสำหรับวันนี้ต้องขออนุญาตลากันไปก่อนขอให้คุณโชคดี ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งกันทั่วหน้านะคะ