ประวัติความเป็นมา “หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย” พระเกจิชื่อดังยุคเก่า แห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง! 

มาทางฝั่งจังหวัดสมุทรสงครามกันบ้าง ซึ่งครั้งนี้เรายังคงอยู่กันกับเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระเครื่องกันอย่างต่อเนื่อง และในครั้งนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ ประวัติความเป็นมา “หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย” พระเกจิชื่อดังยุคเก่า แห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง! ซึ่งเชื่อว่าใครหลายคนอาจเคยได้ยินถึงชื่อเสียงอันเลื่องลือของหลวงพ่อแก้วมาไม่น้อยและท่านเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแถบลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งแน่นอนว่าแบบนี้มันสะสมพระเครื่องหลายๆท่านก็ให้ความสนใจในวัตถุมงคลของท่านไม่น้อย และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณไปพบกับรายละเอียดที่น่าสนใจกันได้เลยดังต่อไปนี้

ประวัติหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย จังหวัดสมุทรสงคราม

หากมีใครอยากทราบถึงประวัติของหลวงพ่อแก้วแห่งวัดพวงมาลัยในจังหวัดสมุทรสงครามแล้วก็พวกเราชาวส่องพระต้องขออนุญาตย้อนไปถึงปีพ.ศ. 2393 กันเลยทีเดียว ซึ่งราวๆเกือบ 200 ปีที่แล้ว เนื่องจากเป็นปีที่หลวงพ่อแก้วท่านเกิดนั่นเอง สำหรับพระครูวินัยธรรมหรือหลวงพ่อแก้วที่ใครหลายคนมักเรียกกันแบบนั้น เดิมทีท่านเป็นชาวอำเภออัมพวาจังหวัดสมุดสงครามมีบิดาชื่อนายเทียน ทองพันธุ์ และมีมารดาชื่อนางเนียม ทองพันธุ์ มีพี่น้องร่วมสายเลือดทั้งหมดสามคนซึ่งท่านเป็นบุตรผู้ที่สองของบิดามารดา

หลวงพ่อแก้วนั้นท่านได้บวชเป็นสามเณรตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อตอนที่อายุได้ 10 ขวบ ( ซึ่งเป็นช่วงปีพ.ศ. 2403) ก็เข้าบรรพชาเป็นสามเณรณวัดบางแคใหญ่ หลวงพ่อแก้วนั้นเป็นเด็กที่มีความกระตือรือร้นในด้านการเรียนอย่างมากและศึกษาภาษาไทยกับอักขระในยุคสมัยนั้นที่วัดกับพระอาจารย์ ซึ่งบิดาของท่านค่อนข้างเป็นผู้มีวิชาและมีความเชี่ยวชาญในด้านไสยเวทย์เป็นอย่างมากหลวงพ่อแก้วจึงได้ร่ำเรียนและได้วิชาจากบิดามารดาค่อนข้างมาก (ในขณะที่หลวงพ่อแก้วท่านอายุได้ประมาณ 15 ปี บิดาของท่านยังคงเป็นทหารอยู่ในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ และได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อเพ็งแห่งวัดบางแคใหญ่ ,และพี่ชายของท่านซึ่งก็คือพระอาจารย์เกตุ แห่งวัดทองนพคุณในจังหวัดเพชรบุรี) 

ต่อมาในช่วงปี 2413เมื่อท่านอายุ 20 ปีบริบูรณ์ ก็ได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งในครั้งนั้นพระที่เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับหลวงพ่อแก้วก็คือหลวงพ่อเส็ง ซึ่งฉายาของหลวงพ่อแก้วที่ได้รับก็คือ พฺรหฺมสโร หลวงพ่อแก้วได้ศึกษาทางด้านพระธรรมวินัยจนแตกฉาน ผู้ที่ถ่ายทอดให้ก็คือหลวงพ่อเส็ง ซึ่งหลวงพ่อแก้วนั้นท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเส็ง ท่านเป็นพระผู้มีความเคร่งครัดต่อการปฎิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา  ทั้งยังมีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆที่อาจารย์ของท่านได้ถ่ายทอดให้อย่างเต็มที่ จนทำให้ท่านมีความรู้ในระดับเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังมีวิทยาคมที่แก่กล้า

ต่อมาท่านได้เดินทางไปยังจังหวัดเพชรบุรี และฝากตัวขอเป็นศิษย์กับหลวงพ่อเห็นว่าตระเครา เมื่อฝากตัวเป็นศิษย์แล้วท่านกำลังเรียนวิชาอย่างตั้งใจซึ่งท่านได้ศึกษาทางด้านวิทยากร จากนั้นเมื่อถึงช่วงปีพ.ศ. 2424 หลวงพ่อแก้วแทนก็ได้ถูกนิมนต์ให้ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดช่องลม ซึ่งการเดินทางมายังวัดช่องลมในครั้งนั้นท่านได้มากับหลวงพ่อบ่ายรวมถึงพระอีกสามรูปที่ติดตามมาด้วยกันซึ่งการถูกนิมนต์ให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นความเห็นพ้องต้องกันของเหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชนที่มีความเลื่อมใสในท่าน  จากนั้นถัดมาในช่วงปีพ.ศ. 2430 ท่านก็ได้เข้ารับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดพวงมาลัย และตำแหน่งเจ้าอาวาสของวัดช่องลมก็ได้มอบหมายให้หลวงพ่อบ่ายนั้นสืบแทน 

หลวงพ่อแก้วนั้นเป็นพระผู้มีความเคร่งครัดทางด้านการปฎิบัติอย่างมากมีญาณอย่างรู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆล่วงหน้าเป็นที่เคารพศรัทธาของเหล่าบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและพุทธศาสนิกชนไม่น้อย เป็นพระนักพัฒนาและมีวาจาสิทธิ์ ในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดก็ได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์กุฎิสงฆ์ศาลาการเปรียญรวมไปถึงพระอุโบสถต่างๆให้เจริญรุ่งเรืองและไม่ชำรุดทรุดโทรมลงดั่งก่อนหน้านั้น นอกจากวัดพวงมาลัยแล้วท่านยังมีส่วนในการช่วยสร้างวัดอีกหลายแห่งอย่างเช่นวัดสาธุชนารามและวัดเขาอีโก้ ไม่เพียงแต่พุทธะศาสนิกชนเท่านั้นที่เลื่อมใสและศรัทธาหลวงพ่อแก้วเนื่องจากพระบรมมาวงศานุวงค์ชั้นผู้ใหญ่ก็ยังเกิดความปิติศรัทธาเลื่อมใสในตัวท่านเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือพระองค์เจ้าภาณุรังษี ซึ่งท่านได้มาสร้างหวังเอาไว้ ณ บริเวณใกล้ใกล้กับวัดพวงมาลัย เพื่อที่จะได้มานมัสการและเยี่ยมหลวงพ่อแก้วเป็นประจำ ณ วัดพวงมาลัย

ทางด้านวิชาความรู้ของหลวงพ่อแก้วนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในระดับเชี่ยวชาญไม่น้อยและค่อนข้างมีชื่อเสียงที่เลื่องลืออย่างมากในยุคนั้นกิตติศัพท์ทางด้านวิทยาคมของท่านค่อนข้างแพร่หลายและมีคำร่ำลือถึงเรื่องเล่าที่ปรากฏกันมากมาย อีกทั้งได้มีพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่5 ที่ได้ทรงกล่าวถึงวัดพวงมาลัยเอาไว้ในเรื่องวัดอัมพวันเจติยารามเอาไว้ตอนหนึ่งด้วยเช่นกันแต่จะกล่าวเอาไว้ว่าอย่างไรนั้น ต้องรอติดตามอ่านกันในบทความครั้งต่อไป 

ซึ่งในขณะที่หลวงพ่อแก้วท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้อย่างมากมายให้กับเหล่าบรรดาลูกศิษย์ลูกหา อีกทั้งยังเป็นพระนักพัฒนาผู้มีจิตใจเมตตาและสร้างคุณงามความดีเอาไว้อย่างมากมาย เป็นพระผู้มีอภิญญาเป็นเลิศทั้งยังมีวิชาความรู้ซึ่งสามารถล่วงรู้ได้ถึงเหตุการณ์ในภายภาคหน้าและถัดมาในช่วงปี 2462 ( ซึ่งเป็นช่วงยุคสมัยของสมเด็จพระมงกุฏเก้าเจ้าอยู่หัว) ซึ่งเป็นปีที่ท่านได้มรณภาพลงโดยรวมสิริอายุได้ 69 ปีและครองพรรษาได้นานถึง 49 พรรษา 

วัตถุมงคลหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย จ.สมุทรสงคราม

ฝากถามถึงเรื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อแก้วแห่งวัดพวงมาลัยจังหวัดสมุทรสงครามนั้นต้องขอบอกเลยว่ามีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผ้ายันต์ ตะกรุดใบลาน เหรียญต่างๆ แต่วัตถุมงคลที่ผู้คนส่วนใหญ่มักให้ความนิยมส่วนใหญ่ก็คือ เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแก้วปี 2459 ซึ่งเหรียญนี้หากนับมาถึงในปัจจุบันก็มีอายุประมาณ 100 ปีเห็นจะได้ได้ถูกสร้างมาด้วยกันประมาณสองพิมพ์ซึ่งได้แก่พิมพ์วังบูรพาและพิมพ์วัด ซึ่งในครั้งนี้เราได้นำภาพตัวอย่างมาฝากคุณด้วยเช่นกัน

 เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแก้ววัดพวงมาลัย

สำหรับเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแก้วพิมพ์วัด เราสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าเหรียญจะมีลักษณะเป็นรูปทรงไข่มีหูเชื่อม และมีรูปองค์พระแบบเต็มองอยู่ในอิริยาบถนั่งขัดสมาธิบริเวณตรงกลางเหรียญ และมีตัว “อุณาโลม” จารึกเอาไว้บนยอดเหนือศรีษะขององค์พระ บริเวณโดยรอบของเหรียญนั้นเราจะสังเกตเห็นได้โดยชัดว่ามีช่อดอกไม้ล้อมรอบอยู่ ในส่วนของบริเวณรอบนอกนั้นถูกจารึกด้วยอักษรซึ่งเป็นอักขระขอมโดยจะสามารถอ่านได้ว่า  “พุทยัด ธาปิด ยะอุด นะอุด โมอัด” และตามด้วยตัวเลข “2459” ที่ถูกจารึกเอาไว้ซึ่งหมายถึงปีพ.ศ. ในการสร้าง

ในส่วนของด้านหลังเหรียญนั้นเราจะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่ามีตัว “อุณาโลม” จารึกเอาไว้ที่บริเวณบนสุดของเหรียญจากนั้นจะสังเกตเห็นได้ว่ามีอักขระขอมซึ่งจะอ่านว่า  “นะ โม พุท ธา ยะ อุ ทัง อัด โท ปิด คะ นะ” ถูกจารึกเอาไว้บริเวณล้อมรอบขอบเหรียญ  และมีตัวอักษรคำว่า  “ภู ภี ภุ ภะ” อยู่ที่บริเวณกลางเหรียญซึ่งเป็นอักขระขอม 

ได้พาคุณมารู้จักกับ ประวัติความเป็นมา “หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย” พระเกจิชื่อดังยุคเก่า แห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง! กันไปค่อนข้างละเอียดพอสมควรแล้วอย่างไรก็ตาม พวกเราทีมงานหวังอย่างยิ่งว่าเรื่องราวนี้จะเป็นที่ถูกอกถูกใจท่านผู้อ่านที่ชื่นชอบเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระเครื่องเป็นเดิมอยู่แล้วกันนะคะ แล้วพบกันใหม่กับบทความในครั้งต่อไป  สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อนหากมีสิ่งใดผิดพลาดเพราะงานเป็นงานต้องขออภัยล่วงหน้าไว้ณที่นี้อย่างสูง ขอให้คุณโชคดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ สวัสดีค่ะ