หากมีใครถามถึงพระเกจิอาจารย์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงหลังปีพ.ศ. 2500 แห่งเมืองประจวบคีรีขันธ์เชื่อว่าใครหลายคนคงจะต้องไปถึงหลวงพ่อยิด แห่งวัดหนองจอกขึ้นมาทันที และแน่นอนว่าในวันนี้เรากำลังจะมาพูดถึง ประวัติความเป็นมาของ “หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน วัดหนองจอก จ.ประจวบฯ” กับที่มาสุดขลังของ เหรียญรุ่นแรก ปี 2530 !
ที่จะมาบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของท่านพร้อมกับที่มาสุดครั้งของเหรียญรุ่นแรกปี 2530 ให้คุณได้ทราบ และหากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อยิดเป็นเดิมอยู่แล้วต้องอย่ารอช้าคารวะพบกับเนื้อหาสาระที่น่าสนใจพร้อมๆกันได้เลยดังต่อไปนี้
ประวัติที่มาของ หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน
วัดหนองจอก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สำหรับพระครูนิยุตธรรมสุนทร หรือที่ใครหลายคนมักจะรู้จักกันดีในนามของหลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน แห่งวัดหนองจอกนั้น เดิมทีท่านเป็นชาวจังหวัดราชบุรีฉันเกิดในช่วงปีพ.ศ. 2467 เป็นวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ท่านเกิดอยู่ในอำเภอเมืองตำบลนาพันสาม เป็นชาวบ้านที่บ้านดอนหัวกรวด ในจังหวัดราชบุรีเกิด และเมื่อท่านมีอายุได้ประมาณเก้าขวบก็ได้บวชเป็นสามเณร
ขณะที่หลวงพ่อท่านเป็นสามเณรน้อยท่านก็ได้ติดตาม “หลวงพ่อหวล แห่งวัดนาพรม” ซึ่งหลวงพ่อท่านนี้มีศักดิ์เป็นน้าชายของท่าน ท่านได้รับคำอบรมสั่งสอนมาจากหลวงพ่อหวล อีกทั้งยังได้มีโอกาสเรียนหนังสือและได้ร่ำเรียนทางด้านวิชาการจนทำให้หลวงพ่อยึดสามารถอ่านอักขระเลขยันต์ได้ เป็นนัยว่าเป็นครูคนแรกของท่านเลยก็ว่าได้ อีกทั้งหลวงพ่อยิดยังมีโอกาสได้ศึกษาทางด้านวิปัสสนากรรมฐานรวมถึงวิชาทางด้านอาคมแบบเบื้องต้นกับหลวงพ่อหวลด้วยเช่นกัน
ไม่เพียงแต่ทางด้านวิชาอาคมเท่านั้นเพราะหลวงพ่อยึดท่านยังมีวิชาแพทย์แผนโบราณที่ได้ร่ำเรียนกับหลวงพ่อหวนผู้นี้อีกด้วย และด้วยความที่หลวงพ่อยิดท่านเป็นเด็กที่ไฟเรียนไฟรู้บวกกับเป็นผู้มีความจำเป็นเลิศจึงทำให้ท่านเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วจนมีความชำนาญทางด้านเลขยันต์และมีความสามารถในการเขียนภาษาขอมได้อย่างแม่นยำอีกทั้งยังมีลายมือที่งดงามตั้งแต่อายุยังน้อยอีกด้วย โดยปกติแล้วหนูก็ยึดท่านจะมีโอกาสได้ออกเดินธุดงค์กับล่วงหน้าของท่านอยู่บ่อยบ่อยรวมถึงการเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆและไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่นประเทศพม่าและจังหวัดอื่นๆในประเทศไทยอีกมากมาย
ตลอดระยะเวลาที่ได้ติดตามหลวงน้าทำให้หลวงพ่อยิดท่านมีความหมั่นเพียร และมีความสนใจที่จะเล่าเรียนเพื่อแสวงหาความรู้ต่างๆและทำให้ท่านมีความมุมานะขยันมันเพียรในการท่องตำราด้วยความสนใจอย่างมาก หลังจากที่ติดตามหลวงน้าได้เป็นระยะเวลาหนึ่งหลวงพ่อยิดก็ได้ไปศึกษาเล่าเรียนกับ “หลวงพ่อทองสุข แห่งวัดโตนดหลวง” ซึ่งหลวงพ่อหวลท่านได้ไปฝากหลวงพ่อยิดไว้ ซึ่งหลวงพ่อทองสุขนั้นท่านเป็นพระผู้มีความเมตตาเป็นเดิมอยู่แล้วอีกทั้งยังมีความเมตตาต่อหลวงพ่อยิดในขณะที่ยังเป็นสามเณรอยู่ ท่านจึงถ่ายทอดวิชาต่างๆให้กับหลวงพ่อยิดอย่างเต็มที่ รวมไปถึงได้ถ่ายทอดวิชาทางด้านกรรมฐานขั้นสูงให้กับหลวงพ่อยิดด้วยเช่นกัน
ถัดมาอีกระยะหนึ่งหลังจากที่การฝึกฝนขั้นสูงเป็นไปอย่างสำเร็จแล้วท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมในเรื่องของการสักยันต์ทางคงกระพันชาตรีให้กับหลวงพ่อยิด ซึ่งหลวงพ่อยึดก็ตั้งไจเรียนอย่างเต็มที่ แต่ต่อมาในระยะหนึ่งเมื่อหลวงพ่อยิดเริ่มเติบโตเป็นวัยรุ่นท่านก็ได้ขอลาสิกขากับหลวงพ่อหวลซึ่งก็คือล่วงหน้าของท่าน เพื่อกลับไปช่วยครอบครัวทำมาหากินเพราะเห็นถึงความยากลำบากของโยมพ่อและโยมแม่ อาชีพที่ท่านทำในขนาดนั้นก็คืออาชีพทำไร่ทำนา
อาจารย์ยิดก่อนจะเป็นหลวงพ่อยิด
แต่ถึงแม้ว่าจะประกอบอาชีพในชีวิตประจำวันลึกลึกภายในจิตใจท่านก็ยังไม่ทิ้งวิชาทางด้านอาคม และวิชาต่างๆที่ได้เคยร่ำเรียนมากาดหลวงน้าและหลวงพ่อทองสุข จึงทำให้หลวงพ่อท่านได้สักยันต์ให้กับหนุ่มๆในหมู่บ้าน และได้กลายเป็นที่ร่ำลือว่า การสักยันต์ของท่านนั้นมีความคงกระพันหนังเหนียวอย่างมาก จนทำให้ใครหลายคนพากันเรียกท่านว่าอาจารย์ยิด ตั้งแต่อายุยังไม่ครบบวชกันเลยทีเดียว แต่ต่อมาหลังจากที่ฐานะของครอบครัวของท่านดีขึ้น ท่านก็ได้มาบวชเมื่ออายุได้ครบบวช
เข้าพิธีอุปสมบท
และเมื่ออายุครบบวชหลวงพ่อยิดท่านก็เข้าพิธีอุปสมบท ซึ่งในครั้งนั้นพระผู้เป็นพระอุปประชาให้กับท่านก็คือหลวงปู่อินทร์แห่งวัดยาง สำหรับพระผู้เป็นพระอนุสาวรีย์อาจารย์ให้กับท่านก็คือพระอธิการหวล หลังจากพี่ได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้วท่านก็ยังคงแสวงหาความรู้และศึกษาวิชาทางทำต่อไป ซึ่งท่านได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับหลวงปู่ศุขแห่งวัดโตนดหลวง ในเวลาต่อมาและศึกษาเล่าเรียนทางด้านวิทยาคมต่างๆเพิ่มเติม
หลังจากที่ได้ศึกษาทางด้านวิทยาคมแล้วก็ได้ธุดงควัตรไปตามสถานที่ต่างๆในหลากหลายพื้นที่รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศพม่าและถัดมาในช่วงปีพ.ศ. 2487 ก็มีข่าวว่าคุณพ่อของหลวงพ่อยิดนั้นท่านล้มป่วย และด้วยความกตัญอยู่จึงทำให้หลวงพ่อยิดท่านลาสิกขาออกมา ดูแลพ่อแม่ที่กำลังแก่ชรา และท่านก็ได้แต่งงานมีครอบครัวเหมือนกับบุคคลทั่วไป และหลังจากที่โยมพ่อและโยมแม่ของท่านถึงแก่กรรม ก็ทำให้หลวงพ่อตัดสินใจอีกครั้ง ที่วัดเกาะหลักในช่วงปีพ.ศ. 2518 ซึ่งผู้เป็นพระอุปประชาให้กับท่านในครั้งนั้นก็คือเจ้าคณะแห่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
หลังจากที่ท่านอยู่จำพรรษา ณ วัดทุ่งน้อย อำเภอกุยบุรี แต่ตอนนั้นท่านเป็นพระลูกวัด หลังจากที่ก็ได้มีชาวบ้านชาวหนองจอก ตำบลดอนยายหนู ได้รู้ว่าหลวงพ่อท่านอยู่ที่นี่จึงทำการยกที่ดินให้เป็นจำนวน 21 ไร่กับอีกสองงานเป็นในขณะนั้นยังเป็นพื้นที่ป่า เพื่อให้หลวงพ่อท่านได้ทำการใช้พื้นที่นั้นสร้างวัด ซึ่งเริ่มต้นด้วยการปลูกเพียงกุฎิหลังเล็กไว้เป็นที่พักของสงฆ์นอกจากนี้ยังมีญาติโยมต่างๆมาช่วยกันทานหญ้าและทำความสะอาดพื้นที่เพื่อใช้พื้นที่หลังนี้ทำเป็นสถานที่ในการประกอบพิธีทางศาสนา ในเวลาถัดมาหลวงพ่อท่านก็ได้รับความศรัทธาจากนายทหารและข้าราชการ ในจังหวัดเพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งผู้คนยังเข้ามาขอรับวัตถุมงคลต่างๆไม่ว่าจะเป็นปลัดขิก ของหลวงพ่อยิด พระเครื่องต่างๆ รวมถึงตะกรุดเอาไว้บูชา เนื่องจากค่อนข้างเป็นที่ร่ำลืออย่างมากว่ามีพุทธคุณสูงอีกทั้งยังมีความโดดเด่นทางด้านเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายอย่างมาก จะเรียกได้ว่าค่อนข้างกว้างขวางในประเทศไทยในช่วงยุคนั้นไม่น้อย
ความเป็นมาของ เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก หลวงพ่อยิด
ปี 2530
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเดือนที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะในวงการพระเครื่อง เนื่องจากค่อนข้างถูกร่ำลืออย่างมากถึงด้านพุทธคุณที่มีความโดดเด่นในหลายหลายด้านสำหรับเหรียญรูปเหมือนรุ่นนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปีพ.ศ. 2530 จุดประสงค์ในการสร้างขึ้นก็เพื่อต้องการนำมาแจกจ่ายให้กับญาติโยมและผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ทำบุญ ในงานวางศิลาฤกษ์อุโบสถแห่งวัดหนองจอก ซึ่งนำการตั้งโดยคุณลาวัณย์ ใบหยก ร่วมกับลูกศิษย์ลูกหาในสายกรุงเทพฯ
ซึ่งจำนวนในการสั่งครั้งนั้นมีจำนวน 10,000 เหรียญ เหรียญนั้นมีรูปทรงเป็นทรงเสมา ในส่วนของด้านหน้าเหรียญนั้นเป็นรูปเหมือนของหลวงพ่อยึดอยู่ในท่านั่งสมาธิแบบเต็มองค์ และในส่วนของด้านหลังนั้นมีรูปยันต์ปรากฏอยู่อย่างชัดเจนอีกทั้งยังได้ดีการระบุรายละเอียดที่บอกถึงปีของการสร้างเอาไว้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามพวกเราทีมงานได้นำภาพตัวอย่างของเหรียญเหล่านี้มาไว้ให้คุณได้ชมกันแล้วทางด้านบน
ขอฝากเรื่องราวของ ประวัติความเป็นมาของ “หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน วัดหนองจอก จ.ประจวบฯ” กับที่มาสุดขลังของ เหรียญรุ่นแรก ปี 2530 ! กันไว้แต่เพียงเท่านี้ แล้วกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไปนะคะสำหรับวันนี้ต้องขออนุญาตลากันไปก่อนขอบพระคุณในทุกๆการติดตามให้คุณโชคดีร่ำรวยเงินทองและมีความสุขค่ะ
สนใจ >>> จำนำรถ
