เรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งพระปิดตาก็เลยก็ว่าได้สำหรับ เมืองชลบุรี และในครั้งนี้เราจะพาคุณมาทราบถึง ประวัติความเป็นมาของ พระวิสุทธิสมาจาร(หลวงปู่ศรี) แห่ง วัดอ่างศิลา เมืองชลบุรี ! ซึ่งท่านคือหนึ่งในสุดยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีกหนึ่งท่านในช่วงยุคสมัย ปีพ.ศ 2400 มาจนถึง ปีพ.ศ 2500 และ วัตถุมงคลรวมถึงพระปิดตาของท่านก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงอันเป็นที่เลื่องชื่อไม่น้อย และได้ถูกจัดอันดับให้อยู่ในความนิยมลำดับต้นๆกันเลยทีเดียว แต่ก็น้อยคนนักที่จะรู้จัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ในครั้งนี้พวกเราจะพาคุณไปพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจกันดังต่อไปนี้ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปรับชมประวัติความเป็นมาของท่านกันเลยดีกว่า
ประวัติของ พระวิสุทธิสมาจาร(หลวงปู่ศรี)
แห่ง วัดอ่างศิลา เมืองชลบุรี
สำหรับพระวิสุทธิสมาจารหรือบางท่านมักจะเรียกท่านว่าเจ้าคุณศรี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านมักจะพากันเรียกกันว่าหลวงปู่ศรี จนติดปาก เดิมนั้นท่านมีนามว่า ศรี ยูถะสุนทร เป็นชาวอ่างศิลาจังหวัดชลบุรีมาโดยกำเนิด เป็นบุตรของนายทองและนางเอียง มีพี่น้องทั้งหมดประมาณเจ็ดคน และท่านเกิดในช่วงปีพ.ศ. 2414 ตรงกับวันศุกร์ที่ 28 เดือนเมษายน หลวงปู่ศรีนั้นท่านค่อนข้างมีความเฉลียวฉลาด มีสติปัญญาและไหวพริบเป็นเลิศตั้งแต่วัยเด็ก จึงทำให้ผู้หลักใหญ่มักจะชื่นชม และหนึ่งในนั้นก็คือบิดามารดาของท่านที่เห็นแววความเฉลียวฉลาดนี้
จึงได้พาท่านไปฝากกับพระครูสุวรรณณาทร (เที่ยง) ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงแท้แท้ของท่าน ซึ่งพระครูสุวรรณาทรนี้ท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดอ่างศิลา หลวงปู่ศรีจึงได้มีโอกาสเล่าเรียนทั้งทางด้านอักขระภาษาขอมและเรียนเขียนหนังสือภาษาไทย รวมไปถึงการเขียนเลขยันต์ในชั้นต้น เป็นเด็กที่ความจำดีและค่อนข้างว่านอนสอนง่ายจึงทำให้ผู้ใหญ่รักและเมตตาอย่างมากโดยเฉพาะหลวงลุงของท่าน
เมื่อเวลาผ่านไปหลวงปู่ศรีอายุได้ประมาณ 20 ปีบริบูรณ์ท่านก็ได้เข้าพิธีอุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งพระที่เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ท่านก็คือ หลวงพ่อยิ้มแห่งวัดศิลาใน (ซึ่งในขณะนั้นหลวงพ่อยิ้มท่านค่อนข้างเป็นพระที่มีความเก่งกล้าทางด้านวิชาอาคมอย่างมากและมีชื่อเสียงเลื่องลือไปไกล) และพระผู้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ก็คือ พระอธิการแสงนะวัดอ่างศิลา ส่วนพระผู้เป็นพระอนุสาวนาจารย์ก็คือหลวงลุงของท่านหรือพระครูสุวรรณาทร(เที่ยง) นั่นเอง และสำหรับฉายาทางธรรมที่ท่านได้รับก็คือพรหมโชติ ด้วยความที่มีกิริยานอบน้อมทอมตัวและมีความเคร่งครัดในการปฏิบัติ รวมไปถึงท่านเป็นผู้มีน้ำใจฝรับใช้พระผู้ใหญ่ที่มีอายุมากอย่างไม่เคยบ่น จึงทำให้ผู้ใหญ่เมตตาต่อหลวงปู่ศรีมาก และได้ถ่ายทอดวิชาในด้านพระธรรมมาวินัยให้แก่ท่านมาเป็นอย่างดี
วิชาสะเดาะกุญแจ
ในเวลาต่อมาพระอุปัชฌาย์ยิ้มก็ได้เรียกหลวงปู่ศรีให้ไปพบจากนั้นท่านก็ได้มอบกุญแจที่ถูกล็อกเอาไว้แล้วหลวงปู่ศรีหนึ่งดอกพร้อมกับพระคาถาเพื่อใช้ในการสวดภาวนา พร้อมกับพูดว่า หากหลวงปู่ศรีสามารถถอดกุญแจดอกนี้ออกได้เมื่อไหร่ก็จะสอนวิชาอาคมให้ ซึ่งหลวงปู่ศรีท่านก็ได้พยักหน้ารับคำด้วยความนอบน้อมจากนั้นก็ได้ตั้งจิตภาวนาถึงพระคาถาอย่างตั้งใจและในที่สุดหลวงปู่ศรีก็สามารถสะดวกกุญแจที่หลวงพ่อยิ้มให้มาได้ จนทำให้พระอาจารย์ยิ้มชื่นชมอย่างมากและมองเห็นถึงพรสวรรค์รวมถึงความตั้งอกตั้งใจของท่านจึงสอนวิชาสะเดาะกุญแจให้กับท่านโดยตรงจนสำเร็จ
และไม่เพียงแต่พระอาจารย์ยิ้มจะถ่ายทอดทางด้านวิชาสะเดาะกุญแจให้กับหลวงปู่ศรีฝเท่านั้น เนื่องจากท่านยังถ่ายทอดวิชาทำผงวิเศษวิชาการโรงยันวิชาการนั่งสมาธิรวมทั้งวิชาทางด้านแพทย์แผนโบราณโหราศาสตร์ รวมไปถึงการดูฤกษ์ยามให้กับหลวงปู่ศรีอีกด้วย เรียกได้ว่าพระอาจารย์ของท่านทั้งสามองถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆให้กับหลวงปู่ศรีจนหมดเลยก็ว่าได้ เมื่อสำเร็จวิชาหลวงปู่ศรีจึงตัดสินใจออกเดินธุดงค์เพื่อต้องการแสวงหาความรู้ต่อไป จากนั้นท่านก็ได้ออกเดินธุดงค์ก่อนจะกลับมาจำพรรษาณวัดอ่างศิลาต่อ
ตำแหน่งต่างๆของหลวงปู่ศรี
ถัดมาในช่วงปีพ.ศ. 2453 หลวงลุงของท่านหรือพระครูสุวรรณณาทร(เที่ยง) ท่านได้มรณภาพลงจึงทำให้ หลวงปู่ศรีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดอ่างศิลาในเวลาต่อมา ซึ่งหลวงปู่ศรีนั้นนอกจากจะมีจริยวัฒน์อันงดงามและน่าเลื่อมใสของเหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชนแล้วมันยังมีจิตใจเมตตาอบอ้อมอารีและเป็นพระนักพัฒนาที่ทำให้วัดอ่างศิลาแห่งนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักของเหล่าผู้คน ถัดมาในเวลาไม่นานท่านก็ได้รับตำแหน่งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองของจังหวัดชลบุรี อีกทั้งยังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูสุนทรธรรมรส และนอกจากนี้หลวงปู่ศรียังได้ทำนุบำรุงวัดแห่งนี้ให้หายจากความชำรุดสุดโทรมขึ้นเนื่องจากวัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่ในช่วงสมัยยุทยาตอนปลาย
จากนั้นถัดมาในช่วงปีพ.ศ. 2492 หลวงปู่ศรีท่านก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระราชาคณะ ราชทินนามที่ “พระวิสุทธิสมาจาร” ตลอดมา ซึ่งในขณะที่หลวงปู่ศรียังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้อย่างมากมายเพื่อมอบให้แก่บรรดาญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหาเอาไว้ป้องกันตัว ซึ่งแต่ละชิ้นนั้นก็ค่อนข้างมีอุณหภูมิสูงจนมีเรื่องเล่าต่างๆอย่างมากมายและในช่วงปีพ.ศ. 2510 ท่านก็ได้มรณภาพลง ซึ่งรวมสิริอายุได้ประมาณ 97 ปี และครองพรรษาได้นานถึง77 พรรษา โดยการจากไปอย่างสงบด้วยโรคชรา และถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาร่วม 50 ปีแล้วในการจากไปของท่าน แต่ในปัจจุบันก็ยังคงมีลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพศรัทธาและระลึกถึงท่านอยู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งบางคนที่ชื่นชอบพระปิดตาก็มักจะถามถึงของดีที่ท่านได้สร้างเอาไว้อย่างมากมายเช่นกัน
วัตถุมงคลของเจ้าคุณศรี (หลวงปู่ศรี)
สำหรับยุคแรกๆที่ท่านสร้างวัตถุมงคลนั้นส่วนใหญ่มักจะทำผ้ายันต์และตะกรุดในการแจกลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเท่านั้นเนื่องจากท่านมีภารกิจในการทำนุบำรุงวัดและดูแลวัดต่างๆมากมายในจังหวัดชลบุรี จึงได้มีการสร้างเหรียญรุ่นแรกขึ้นมาในช่วงปีพ.ศ. 2478 จุดประสงค์ในการสร้างครั้งนั้น ก็เพื่อนำมาแจกให้เป็นที่ระลึกในวาระทำบุญครบรอบอายุ 64 ปีและการสร้างในครั้งนั้นค่อนข้างสร้างในจำนวนที่น้อย จึงทำให้เหรียญรุ่นแรกนี้ค่อนข้างหาชมได้ยาก
ถัดมาในช่วงปีพ.ศ. 2496 หลวงปู่ศรีท่านก็ได้สร้างพระเนื้อผงที่เรียกว่าพระเพชรหลีกขึ้นเป็นครั้งแรกของท่าน ซึ่งกรรมวิธีในการสร้างพระนั้นท่านได้ทำตามตำราการสร้างที่ได้รับการตกทอดมาจากเจ้าคุณทักษิณคณิศร(สาย) แห่งวัดอินทราราม (วัดใต้) ซึ่งท่านเป็นต้นแบบของการสร้างพระเพรชหลีกอันมีชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุคเก่านั่นเอง เชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักโดยเฉพาะเซียนพระที่ชื่นชอบการพระเครื่องรุ่นเก่า สำหรับกรรมวิธีในการสร้างค่อนข้างมีขั้นตอนมากมายและมีรายละเอียดสูงอีกทั้งมวลสารที่นำมาใช้ในการสร้างเป็นเนื้อพระนั้นก็ค่อนข้างมีมากมายและต้องได้ตามที่ตำรากำหนดเท่านั้น
ซึ่งมวลสารแต่ละชนิดก็ล้วนแล้วแต่หายากมาก อย่างเช่นข้าวเปลือกที่นำมาทำการสีแล้วไม่แตกซึ่งข้าวเปลือกเหล่านี้ต่อให้นำไปผ่านการหุงก็จะไม่สุก ที่ยังคงความเป็นข้าวเปลือกอยู่อย่างนั้น นอกจากนี้ยังมีว่านหลายหลายชนิดที่ไม่ได้หากันได้ง่ายๆมาใช้เป็นส่วนประกอบในการสร้างเป็นเนื้อมวลสารด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีกรรมวิธีในการสร้างพระอีกหลากหลายขั้นตอนซึ่งจะพาคุณทักษิณฯ นั้นไม่ได้ทำการถ่ายทอดให้ใครง่ายๆ อีกด้วย
บอกเล่าสู่กันฟังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของ พระวิสุทธิสมาจาร(หลวงปู่ศรี) แห่ง วัดอ่างศิลา เมืองชลบุรี ! ที่ได้นำมาฝากกันไปในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามสามารถกลับมาพบกับพวกเราทีมงาน ส่องพระได้ใหม่ในบทความทั้งต่อไปนะคะ สำหรับวันนี้พวกเราต้องขออนุญาตลากันไปก่อน ขอให้คุณโชคดีและสนุกไปกับการอ่านค่ะ