ประวัติของสุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองชุมพร “หลวงพ่อโปร่ง โชติโก” แห่งวัดถ้ำพรุตะเคียน !

มาทางฝั่งภาคใต้ตอนเหนือกันบ้างในครั้งนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับพระเกจิอาจารย์ที่เกิดในยุคก่อนปีพ.ศ 2500 ซึ่งท่านก็คือหลวงพ่อโปร่งแห่งวัดถ้ำพรุตะเคียน ในครั้งนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ ประวัติของสุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองชุมพร “หลวงพ่อโปร่ง โชติโก” แห่งวัดถ้ำพรุตะเคียน ! ซึ่งแน่นอนว่าเราจะมาบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจพร้อมกับวัตถุมงคลของท่านให้คุณได้ทราบกันมากยิ่งขึ้น และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณไปพบกับเนื้อหาที่น่าสนใจดังต่อไปนี้กันเลย 

ประวัติของ หลวงพ่อโปร่ง โชติโก 

วัดถ้ำพรุตะเคียน จังหวัดชุมพร 

สำหรับประวัติความเป็นมาของ พระครูโสตถยาธิคุณ หรือที่ใครๆคนมักจะรู้จักกันดีในนามของหลวงพ่อโปร่งโชติโกแห่งวัดถ้ำพรุตะเคียนซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดชุมพรนั้น ท่านเกิดในช่วงปีพ.ศ 2473 การเกิดในวันที่ 10 เดือนกุมภาพันธ์ชื่อเดิมของท่านชื่อว่านายโปร่ง อยู่กลัด เดิมทีนั้นท่านเป็นชาวจังหวัดนนทบุรีเกิดที่อำเภอเมืองตำบลตลาดขวัญ ฉันเป็นลูกชายของคุณพ่อเปลื่องและคุณแม่ทองหล่อ อยู่กลัด มีพี่น้องทั้งหมดที่เป็นบิดามารดาเดียวกันจำนวน 4 คน

ตอนนี้ท่านยังเป็นเด็กอยู่นั้นชีวิตของท่านก็เหมือนกับเด็กทั่วไปที่ดำเนินชีวิตโดยเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 อยู่ที่โรงเรียนวัด โรงเรียนที่ท่านศึกษาเล่าเรียนก็คือโรงเรียนวัดรางกำหยาด ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดนครปฐมที่อำเภอบางเลนอยู่ที่ตำบลบางภาชี ส่วนการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของท่านนั้นได้ย้ายมาเรียนอีกที่หนึ่ง ซึ่งก็คือโรงเรียนชมนิมิตซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการตำบลบางจากอำเภอพระประแดง หลังจากที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วครอบครัวของท่านก็ไม่ได้มีเงินพอที่จะส่งให้ท่านได้เรียนต่อในระดับต่อไป และด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลวงพ่อโปร่งท่านทำงานช่วยพ่อแม่ตั้งแต่เด็กอาชีพของท่านและครอบครัวนั้นเป็นชาวไร่ชาวนาเป็นเกษตรกร

ถัดมาเมื่อท่านอายุได้ประมาณ 20 ปีก็ได้ตัดสินใจบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ สำหรับพรรษาแรกที่ท่านได้บวชนั้นท่านได้มีโอกาสศึกษาทางด้านกรรมฐานกับหลวงปู่หลิมแห่งวัดน้อยซึ่งวัดน้อยแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีอำเภอเมืองที่ตำบลบ้านโขด และหลังจากนั้น หลวงพ่อท่านก็ได้ลาสิคะออกมาเป็นฆราวาสและใช้ชีวิตตามปกติแบบผู้คนทั่วไป หลังจากที่ท่านสึกท่านก็ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในอำเภอหัวหินของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีอาชีพเป็นนายท้ายเรือกางเกง ซึ่งจะคอย จับปลาและร่างอวนอยู่ที่เมืองหัวหิน ในบางครั้งการทำงานของท่านก็จะไปลากอวนกายถึงประเทศกัมพูชา และแต่งงานอยู่กินกับภรรยาซึ่งเป็นลูกสาวของนายตำรวจหลังจากแต่งงานกันก็มีบุตรด้วยกันถึง 3 คน 

การบวชครั้งที่ 2 ของหลวงพ่อโปร่ง โชติโก 

ถึงแม้จะใช้ชีวิตแบบฆราวาสแล้วแต่จิตใจของหลวงพ่อโปร่งท่านก็ยังมีความคิดที่อยากจะกลับไปบวชอยู่เสมอ จึงทำให้ในช่วงปีพ.ศ 2519 ท่านก็ได้ตัดสินใจบวชอีกครั้ง อยู่ที่วัดนาขวางตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาครอำเภอเมืองตำบลกาหลง ท่านบวชในวันที่ 24 เดือนพฤษภาคม ซึ่งพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับท่านก็คือพระครูสมุทรธรรมสุนทร หรือที่ใครหลายคนมักจะรู้จักกันในนามของหลวงพ่อสุด ส่วนพระผู้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ให้กับท่านก็คือพระอาจารย์น้อย และพระผู้เป็นพระอนุสาวนาจารย์ให้กับท่านก็คือพระครูพยนต์ 

หลังจากที่บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์อีกครั้งในช่วงที่บวชได้ 1 พรรษาหลวงพ่อโปร่งท่านก็ได้ออกเดินธุดงค์โดยขออนุญาตพระผู้ใหญ่ในวัด ในช่วงเริ่มต้นนั้นท่านออกเดินธุดงค์ไปทางแถบจังหวัดเพชรบุรีหัวหินจากนั้นก็ได้ธุดงค์ภวัตในเส้นทางที่ไกลออกไปเรื่อยๆ จนมาถึงจังหวัดชุมพร เป็นในครั้งนั้นทันใดมีโอกาสไปจำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำเขาพลูซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอปะทิว ด้วยความเคร่งครัดและศีลจริยวัตรที่ท่านปฏิบัตินั้นมีความงดงามและน่าเอาเยี่ยงอย่าง จึงทำให้ชาวบ้านในแถบนั้นเกิดความเลื่อมใสและศรัทธา จึงได้พากันช่วยทำบุญสร้างกุฏิไม้เล็กๆ 1 หลังเพื่อให้ท่านได้อยู่ จากนั้นก็ได้มีการสร้างศาลาเอาไว้เผื่อญาติโยมมาทำบุญและเอาไว้ฟังธรรมจากหลวงพ่อ 

และถัดมาในเวลาไม่นานจึงตรงกับช่วงปีพ.ศ 2528 ชาวบ้านในละแวกนั้นก็ได้ขอร้องให้หลวงพ่อท่านได้อยู่เป็นที่พึ่งให้กับผู้คน จึงพากันสร้างกุฏิไม้เอาไว้บนยอดเขาในละแวกนั้น และได้กระทำบริเวณนั้นให้เป็นสำนักสงฆ์ถ้ำพรุตะเคียน ทักมาในช่วงปีพ.ศ 2532 ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงขึ้นในจังหวัดชุมพรในครั้งนั้นได้มีพายุที่เรียกกันว่า พายุเกย์ อันสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับบริเวณนั้น เป็นเหตุทำให้ต้นไม้เล็กใหญ่ต่างล้มและโค่นหักพัง อีกทั้งยังพัดพาบ้านเรือนให้เสียหายเรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติที่ทำให้เกิดความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่กันเลยทีเดียว 

และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวบ้านร่วมมือร่วมใจกันฟื้นฟูหมู่บ้าน และบริเวณนั้นให้ดียิ่งขึ้นอีกครั้ง ด้วยแรงศรัทธาของเราพุทธศาสนิกชนในแถบนั้น รวมถึงผู้คนชาวจังหวัดใกล้เคียงได้พากันมาช่วยสร้างสำนักสงฆ์ถ้ำพรุตะเคียนขึ้น จนกลายเป็นสร้างกุฏิปูนขึ้นมาเป็นจำนวน 30 หลัง อีกครั้งยังมีการสร้างกุฏิไม้ขึ้นเป็นจำนวน 31 หลัง และในเวลาต่อมาก็ได้พากันสร้างศาลาการเปรียญหอฉันหอสวดมนต์พระพุทธรูปองค์ใหญ่พระอุโบสถศาลาเอนกประสงค์หอระฆังและอื่นๆขึ้นอีกมากมายในช่วงปีพ.ศ 2547 และจากเดิมที่เป็นเพียงสำนักสงฆ์ก็ได้ยกฐานะให้กลายเป็นวัดในวันที่ 8 เดือนมิถุนายนพ.ศ 2554 ในที่สุด 

เดิมทีนั้นหลวงพ่อโปร่งท่านเป็นผู้เคร่งครัดต่อการปฏิบัติและธรรมวินัยอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีนิสัยเมตตาต่อผู้คนที่มาขอความช่วยเหลือรวมถึงสัตว์ต่างๆ จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาสำหรับเราบรรดาชาวพุทธในละแวกนั้น รวมถึงผู้คนที่อยู่ในจังหวัดละแวกนั้นก็ได้ต่างพากันมากราบนมัสการหลวงพ่อท่าน บ้างก็มาให้หลวงพ่อท่านประพรมน้ำมนต์ให้และบ้างก็มานั่งฟังเทศน์ฟังธรรมจากหลวงพ่อฟังคำสอนจากหลวงพ่อ และไม่ใช่เพียงชาวบ้านหรือลูกศิษย์ลูกหาเท่านั้นที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อโปร่ง แต่พระอีกหลายรูปในยุคนั้นก็ศรัทธาท่านมากเช่นกัน 

เรียกได้ว่าท่านเป็นพระเถระที่มีความเคร่งครัดต่อการปฏิบัติที่มีศีล จริยวัตรอันงดงามนะเอาเยี่ยงอย่าง เป็นผู้พูดน้อย นอกจากนี้ท่านยังมักอนุรักษ์ด้วย จึงเรียกได้ว่าท่านเป็นทั้งพระผู้เคร่งครัดต่อการปฏิบัติ เป็นพระนักพัฒนารวมถึงเป็นพระนักอนุรักษ์ในเวลาเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ งั้นก็มักจะพัฒนาวัดและเป็นผู้นำในการพัฒนาชุมชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น และในปัจจุบันนอกจากวัดแห่งนี้จะมีความเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นแล้ว พื้นที่ชุมชนในย่านนั้นก็ยังได้ถูกพัฒนาขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าท่านเป็นอีกหนึ่งพระผู้อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนา และทำตนให้มีประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างมาก 

วัตถุมงคลของหลวงพ่อโปร่ง โชติโก 

โดยปกติแล้ววัตถุมงคลต่างๆของหลวงพ่อท่านนั้นจะถูกสร้างขึ้นเนื่องด้วยเหตุผลที่ท่านไม่ค่อยขัดศรัทธาของญาติโยมนัก อีกทั้งยังค่อนข้างเป็นที่เลื่องลือว่าวัตถุมงคลของท่านนั้นมีพุทธคุณที่สูงและมีความโดดเด่นในเรื่องของความแคล้วคลาดเมตตามหานิยมอย่างมาก ใครที่มีไว้ในครอบครองบูชาก็มักจะหวงแหน และนอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ที่เล่าถึงวัตถุมงคลของท่านอย่างมากมาย มาถึงแม้ว่าท่านจะมีวิชาหรือได้รับคำยกย่องสรรเสริญมากเพียงใดก็ตาม หลวงพ่อโปร่งท่านก็ไม่เคยเป็นผู้ที่โอ้อวด 

และท่านมักจะอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ให้ดำรงชีวิตอย่างไม่ประมาท และในปัจจุบันนี้วัดถ้ำพุตะเคียนก็ค่อนข้างขึ้นชื่อในเรื่องของพระฝ่ายวิปัสสนาที่มักจะไปปฏิบัติธรรมรวมถึงพุทธศาสนิกชนที่ต้องการไปปฏิบัติธรรมในพื้นที่สงบ ณ ที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน 

อย่างไรก็ตามคุณสามารถกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไปนะคะ สำหรับในวันนี้พวกเราต้องขอฝากเรื่องราว  ประวัติของสุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองชุมพร “หลวงพ่อโปร่ง โชติโก” แห่งวัดถ้ำพรุตะเคียน ! กันไว้แต่เพียงเท่านี้ขอให้คุณโชคดีร่ำรวยและมีสุขภาพที่แข็งแรงค่ะ