ความเป็นมา “เหรียญหลวงพ่อหรุ่น แห่ง วัดอัมพวัน จ.กทม.” สุดยอดวัตถุมงคลหายากที่ใครๆก็ตามหา ! 

สำหรับท่านแฟนที่มีความเคารพศรัทธาหลวงพ่อหนุนต้องไม่ควรพลาดเพราะในครั้งนี้เราจะมาบอกถึง ความเป็นมา “เหรียญหลวงพ่อหรุ่น แห่ง วัดอัมพวัน” สุดยอดวัตถุมงคลหายากที่ใครๆก็ตามหา !  จึงนับเป็นวัตถุมงคลอีกหนึ่งรุ่นที่เรียกได้ว่าไม่ได้หาชมกันได้ง่ายๆ เป็นพระเก่าที่มีอายุยาวนานพอสมควร แต่ในครั้งนี้เราไม่ได้จะมาเล่าถึงเพียงความเป็นมาของเหรียญหลวงพ่อหนุนเท่านั้นเพราะเราจะมาบอกถึงประวัติความเป็นมาคร่าวๆของท่านให้คุณได้ทราบกันอีกด้วยดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาสำหรับรายละเอียดที่เชื่อว่าใครหลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบกันมาก่อนกันเลยดังต่อไปนี้ 

ประวัติหลวงพ่อหรุ่น แห่งวัดอัมพวัน กทม. 

สำหรับประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อหรุ่นนั้น ค่อนข้างปรากฏได้น้อยมาก ดังนั้นเราจึงจะขออนุญาตมาเล่าเพียงคร่าวๆให้ได้ทราบกันเท่านั้น เดิมทีนั้นหลวงพ่อหรุ่นท่านได้เกิดในช่วงยุคปีพ.ศ. 2390 ซึ่งท่านเป็นคนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเกิดอยู่ในตำบลเชียงราก ซึ่งหลวงพ่อหนุนนั้นท่านเป็นผู้มีความสนใจในเรื่องของการเรียนรู้และศึกษาทางด้านไสยศาสตร์รวมทั้งทางด้านวิทยาคมมาตั้งแต่ในวัยเยาว์ และหากท่านทราบว่าพระเกจิอาจารย์แห่งยุคสมัยของท่านคือรูปใดท่านก็จะพยายามตามหาและไปขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์เพื่อทำการศึกษาเล่าเรียนวิชาของพระเกจิชื่อดังต่างๆ 

ด้วยความที่มีจิตใจชื่นชอบทางด้านคาถาอาคม จึงทำให้ท่านตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนสำเร็จวิชาและมีความเชี่ยวชาญ แตกฉานทางด้านวิทยาคมอย่างมาก มีความเข้มแข็งในด้านวิชาความรู้จนทำให้เป็นที่ยำเกรง แก่ผู้คนที่ได้ทราบถึงความสามารถของท่าน โดยนิสัยส่วนตัวของหลวงพ่อหรุ่นนั้นท่านเป็นคนจริงซึ่ง หลังจากนั้นท่านก็มีชื่อเสียงโด่งดังและชาวบ้านต่างๆพากันเรียกท่านว่า “เสือหรุ่น” เมื่อผู้คนให้ความเคารพศรัทธาและเกรงขาม ก็ทำให้ทันได้เป็นผู้ใหญ่บ้านจากนั้นก็ได้รับความดีความชอบและก็ได้รับพระราชทานให้เป็นขุนกาวิจล

แต่ด้วยความศรัทธาในพระศาสนาท่านก็ได้รับทางโลกจากนั้นก็ได้มุ่งเน้นศึกษาทางธรรมอย่างแท้จริง โดยเข้าอุปสมบทในปีพ.ศ. 2431 ณ วัดลำลูกกา ซึ่งพระที่เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ท่านก็คือ พระญาณไตรโลก (สะอาด) ซึ่งท่านเป็นอดีตเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  

เมื่อบวชเป็นพระได้หลายพรรษาแล้วท่านก็ฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อีกทั้งยังได้ศึกษาพระธรรมมาวินัยอย่างเคร่งครัด รวมทั้งประพฤติปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาจนทำให้เราลูกหลานและลูกศิษย์ลูกหาต่างเคารพศรัทธากันอย่างมาก แต่เมื่อศึกษาปฏิบัติจนแตกฉานท่านก็ได้ออกเดินธุดงค์ ครั้งหนึ่งเมื่อท่านได้ทำการเดินธุดงค์มาถึงบริเวณถนนนครชัยศรี ซึ่งตั้งอยู่ในเขตดุสิตของจังหวัดกรุงเทพฯ ซึ่งในครั้งนั้นท่านได้ปักกรดอยู่บริเวณข้างๆกับวัดอัมพวัน ซึ่งทำให้ชาวบ้านต่างพากันพบเห็นถึงความเคร่งครัดในการปฏิบัติของท่านอีกทั้งท่านยังมีวิทยาคมและอาคมที่มีความแก่กล้า จึงทำให้ท่านได้ถูกนิมนต์มาพำนัก ณ วัดอัมพวัน

เมื่อมีผู้คนทราบข่าวว่าท่านได้อยู่ณวัดแห่งนี้ก็ต่างพากันมาขอเครื่องรางของขลังวัตถุมงคลกันอย่างมากมาย ซึ่งวัตถุมงคลของท่านค่อนข้างโดดเด่นทางด้านพุทธคุณที่ค่อนข้างสูงและมีความเป็นเลิศในด้านมหาอุดอีกทั้งหลวงปู่ดุลนั้นยังค่อนข้างมีชื่อเสียงทางด้านการสักยันต์อย่างมากจึงเป็นเหตุที่ทำให้ท่านได้รับการเรียกว่า “หลวงพ่อหรุ่น เก้ายอด” และวัดอัมพวันแห่งนี้ก็เป็นวัดที่ท่านจำพรรษามาโดยตลอด จนมาถึงในช่วงปีพ.ศ. 2471 หลวงพ่อรุนก็ได้มรณภาพลงด้วยสิริอายุ 81 ปีและครองพรรษานานถึง35 พรรษา และบางครั้งคนรุ่นหลังก็เรียกท่านว่าหลวงปู่หรุ่น

วัตถุมงคลของหลวงพ่อหรุ่น วัดอัมพวัน

จังหวัดกรุงเทพมหานคร

โดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องรางของขลังหรือวัตถุมงคลต่างๆที่หลวงพ่อรุนมักจะนำมามอบให้กับลูกศิษย์ลูกหานั้นมีด้วยกันประมาณสี่ชนิด อันได้แก่ แหวนขาวเก้ายอด , ตะกรุดโทน, กระดูกห่านลงจารขอม และเหรียญปั๊มรูปเหมือนครึ่งองค์ของท่าน ซึ่งทุกชิ้นนั้นล้วนแล้วแต่มีความขลังและปรากฏอภินิหารให้เราบรรดาผู้ครอบครองได้สัมผัสมาแล้วจนกลายเป็นเรื่องเล่าที่หลากหลายประสบการณ์อย่างมาก ซึ่งวัตถุมงคลแต่ละชนิดที่ท่านได้มอบให้กับลูกศิษย์ลูกหานั้นได้ถูกสร้างค่อนข้างมีจำนวนที่น้อย จึงไม่แปลกใจว่าทำไมใครหลายคนจึงมักตามหาและอยากมีเก็บไว้ในบูชาครอบครองกันอย่างยิ่งนัก แต่สำหรับทางวัตถุมงคลที่ค่อนข้างให้ความสนใจในแวดวงของผู้นิยมสะสมพระเครื่องก็คือ เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อหรุ่น 

การสร้างเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อหรุ่น แห่งวัดอัมพวัน

สำหรับประวัติความเป็นมาของเหรียญนี้ต้องขอบอกเลยว่ามีความเก่าแกไม่น้อยหากนับได้ก็น่าจะมีอายุเราราวเกือบ 100 ปีเห็นจะได้ เพราะถูกสร้างขึ้นในช่วงปีพ.ศ. 2460 ซึ่งมีจำนวนในการสร้างที่ค่อนข้างน้อย แต่ก็มีประมาณ 4000 เหรียญที่ลูกศิษย์ของหลวงพ่อหนุนได้พากันสร้างขึ้นเองแล้วนำมาให้หลวงพ่อหรุ่นท่านได้ทำการปลุกเสก ซึ่งลักษณะของเหรียญนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเหรียญรูปไข่ที่มีหูเชื่อม 

พุทธลักษณะของเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อหรุ่น 

แห่งวัดอัมพวัน

ซึ่งจะสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าลักษณะของเหรียญรูปเหมือนของท่านนี้จะเป็นเหรียญรูปทรงไข่ที่มีหูเชื่อม ในส่วนของพิมพ์ด้านหน้านั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีรูปเส้นที่ค่อนข้างแบนมีการยกขอบทั้งบริเวณโดยรอบ จะปรากฏอย่างชัดเจนว่ามีรูปเหมือนหลวงพ่อหรุ่นนั้นปรากฏอยู่ครึ่งองค์ตรงกลางเหรียญ ทางด้านบนสุดนั้นจะมีอักษร “ตัวอุ” ซึ่งจารึกเอาไว้อย่างเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่าหางนั้นค่อนข้างถูกลากไปยาวจนแทบจะจรดติดกับขอบทางด้านบนของจุดหูเชื่อม ทางด้านบนนั้นจะมองเห็นเม็ดประคำจำนวนห้าเม็ดปรากฏอย่างชัดเจนเช่นกัน  

จากนั้นให้สังเกตว่ามีอักษรที่เป็นภาษาขอมซึ่งอ่านได้ว่า “ อะ ระ หัง” ปรากฏทางด้านล่างบริเวณถัดลงมา  จากนั้นทั้งสองข้างก็จะมี “ตัวอุ” ปรากฏให้เห็นด้วยเช่นกัน  ถัดลงมาบรรทัดล่างอ่ะเราจะสังเกตุเห็นคำว่า “มะ อะ” ซึ่งเป็นอักษรขอมเช่นการปรากฏอยู่ จากนั้นทางด้านล่างสุดจะปรากฏอักษรขอมที่เขียนทั้งสองด้านเอาไว้ว่า “พุท ธะ สัง มิ” ตามด้วยหมี่กรอบที่เป็นรูปโบว์และมีลวดลายกระหนกอยู่ตรงขอบจากนั้นจะสังเกตได้ว่าภายในของลวดลายโบว์จะมีคำจารึกที่ปรากฏเอาไว้ว่า “ระ อะ ภะ” และมีการขนาบข้างด้วย “ตัวอุ” เช่นบริเวณอื่นๆ

และในส่วนของพิมพ์ด้านหลังนั้นมีอยู่ประมาณสองพิมพ์ ซึ่งก็คือ “พิมพ์บล็อกแตกหรือพิมพ์หลังยันต์ใบพัด” สำหรับลักษณะของพิมพ์นี้จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีรอยพิมพ์แตกปรากฏบล็อกพิมพ์อย่างชัดเจนตรงขอบเหรียญด้านล่างทางฝั่งด้านซ้ายของเหรียญ ซึ่งจะปรากฏเห็นรูปยันต์ใบพัดอยู่บริเวณรอบด้านของตัวเหรียญ และมียันต์หน้าองค์พระปรากฏอยู่ตรงกลางตามด้วยมี “ตัวอุ” ถูกจารึกอยู่ทางด้านบน 

และสำหรับทีมที่สองก็คือ “พิมพ์บล็อกหลังยันต์นะองค์พระในวงกลม” ซึ่งในที่นี้จะปรากฏเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามียันต์นะฯ ถูกจารึกเอาไว้แล้วมีเส้นรูปไข่ล้อมวงอยู่ ในบริเวณถัดมาโดยรอบจะปรากฏเห็นอักขระขอมอย่างชัดเจน

พุทธคุณ

มีความเป็นเลิศทางด้านแคล้วคลาดปลอดภัยคงกระพันชาตรีและมหาอุดอย่างมาก เชื่อกันว่าหากใครมีไว้ในบูชาครอบครองก็จะทำให้แคล้วคาดปลอดภัยจากศัตรูที่ปองร้ายมียศถาบรรดาศักดิ์

บอกเล่ากันอย่างเต็มอิ่มไปแล้วสำหรับเรื่องราวของ ความเป็นมา “เหรียญหลวงพ่อหรุ่น แห่ง วัดอัมพวัน” สุดยอดวัตถุมงคลหายากที่ใครๆก็ตามหา !  ที่ได้นำมาฝากกันได้ค่อนข้างละเอียดไม่น้อย อย่างไรก็ตามพวกเราทีมงานหวังอย่างยิ่งว่าเรื่องราว นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบพระเครื่องเป็นเดิมอยู่แล้วแล้วพบกันใหม่กับบทความในครั้งต่อไปนะคะสำหรับวันนี้ต้องขออวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีแต่ความโชคดีและมีความสุขในทุกๆวันค่ะ